Archive | ข่าว

SIBA มอบทุนการศึกษา 120 ทุน มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ!

Posted on 18 พฤษภาคม 2021 by admin

         SIBA หรือ วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี มอบทุนการศึกษา 120 ทุน แบ่งเป็น ระดับปวช. 60 ทุน และระดับ ปวส. 60 ทุน พร้อมที่พัก รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาท โดยทุนการศึกษาระดับ ปวช. สำหรับผู้เรียนจบ มัธยมศึกษาปีที่3, กศน. หรือเทียบเท่า เป็นทุนการศึกษา 50-100% ตลอดหลักสูตร 3 ปี และ สำหรับทุนการศึกษาระดับ ปวส. SIBA  ร่วมกับ สถานประกอบการธุรกิจชั้นนำของประเทศ มอบทุนการศึกษา และมีงานให้ทำ มีรายได้ระหว่างเรียน และรับเข้าทำงานทันทีเมื่อจบฯ เป็นทุนการศึกษา 50-100% ตลอดหลักสูตร 2 ปี สำหรับนักเรียน ผู้เรียนจบมัธยมศึกษาปีที่ 6, ปวช. หรือเทียบเท่า เน้น “เรียนได้เงิน จบได้งาน” จบแล้วมีงานทำแน่  ทั้งนี้อาชีพมาแรงที่น่าสนใจเป็นที่ต้องการตลาดแรงงาน เช่น นักการตลาดออนไลน์,  นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น, ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย, นักกูรูออนไลน์ หรือ Youtuber, ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Programmer, เจ้าของธุรกิจ Start Up, นักบัญชีที่เชี่ยวชาญเรื่องภาษีอากร, เชฟ, ฟู้ดสไตลิสต์ เป็นต้น

         สนใจสมัครด่วน! ตั้งแต่วันนี้ถึง 31พ.ค.64 สอบถามรายละเอียดได้ที่ Facebook: siba60ปี60ทุน / website: https://siba.ac.th / Instagram: siba_college/ Twitter: @sibalive หรือโทร. 02-939-3000 และ 092-290-3572

Comments (0)

แจ้งกำหนดการสวดอภิธรรมศพ คุณแม่ เพ็ญประภา ตั้งคารวคุณ

Posted on 13 พฤษภาคม 2021 by admin

กำหนดการสวดอภิธรรมศพ คุณแม่ เพ็ญประภา ตั้งคารวคุณ มารดา วรรณศิริ ตั้งคารวคุณ ณ วัด สระเกศราชวรมหาวิหาร  ศาลา บำเพ็ญกุศล

– วันที่ 13-15 พค. 2564  เวลา 16.00 น.

– วันที่ 16 พค. 2564 บรรจุ ณ สุสานเจ็งเล้ง อ. บางพระ จังหวัด ชลบุรี

คุณแม่เพ็ญประภาเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็น “ผู้หญิงคนเก่ง หัวใจนักสู้” โดยแท้ คุณแม่เป็นผู้ที่มีจิตใจงดงาม ให้ความช่วยเหลือกับทุกคนด้วยความรัก ความเมตตา ประกอบกับท่านเป็นผู้หญิงที่เก่ง แกร่ง มีความเข้มแข็ง เสียสละ อดทน ฉลาดในการดำเนินชีวิตและทันสมัยเสมอ ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของไทยและเป็นที่รักของทุกคนที่ได้รู้จักท่าน

ตลอดเวลาที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่เป็นคนรักครอบครัวมากและพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว  คุณแม่ได้ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับน้อง ๆ ทั้ง 5 คน รวมทั้งรับผิดชอบธุรกิจการค้าของครอบครัวตั้งแต่อายุได้เพียง 15 ปีเนื่องจากบิดามารดาเสียชีวิตเพราะถูกฆาตกรรม คุณแม่เล่าให้ฟังว่า วันที่ทราบข่าวร้ายนั้น คุณแม่ได้แต่ตะลึง คิดว่าวันนี้ไม่มีพ่อแม่แล้วเหรอ เมื่อตั้งสติได้ก็เริ่มเรียบเรียงว่าจะจัดการชีวิตตัวเองและน้อง ๆ อีก 5 คนอย่างไร แต่ด้วยหัวใจอันแกร่งและความมุ่งมั่นของคุณแม่ คุณแม่สามารถสานต่องานธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เริ่มต้นด้วยการเรียนวิธีใช้ลูกคิดเพื่อทำบัญชี หัดขับรถส่งของและต้องปลอมตัวเพื่อขับรถบรรทุกไปส่งไม้ ขายของหน้าร้านและตรากตรำทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เพราะนอกจากงานหลักที่ต้องหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว คุณแม่ยังต้องใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือดูแลน้องๆ เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกมีปมด้อยและถูกใครว่าได้ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อแม่

หลังจากดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่ง คุณแม่ได้พบรักและแต่งงานกับคุณพ่อประเสริฐ ตั้งคารวคุณ และออกมาช่วยธุรกิจของทางครอบครัวคุณพ่อ ในช่วงแรก คุณแม่ต้องทำงานทั้งสองที่และหาเงินส่งให้น้องๆ ภายหลังจึงได้โอนกิจการของครอบครัวคุณแม่ให้ญาติดำเนินการแทน ในปี พ.ศ. 2514 คุณพ่อตัดสินใจออกจากธุรกิจ “กงสี” ของตระกูลตั้งคารวคุณ มาตั้งบริษัทเล็กๆ ประกอบธุรกิจค้าขาย กลุ่มสินค้า ฮาร์ดแวร์ สร้างแบรนด์ตราปลาเบ็ด จนเป็นที่รู้จักและอยู่ในวงการธุรกิจเคมีภัณฑ์มาจนถึงทุกวันนี้ กิจการในช่วงนั้นดำเนินไปด้วยดี แต่มรสุมชีวิตของคุณแม่ก็ยังไม่หมด หลังจากที่ร่วมกันสร้างกิจการมาได้ประมาณ 1-2 ปี ครอบครัวของเราก็ได้รับข่าวร้ายว่า คุณพ่อได้เริ่มป่วยเป็นโรคมะเร็งทางสมอง จนในปี พ.ศ. 2519 ครอบครัวเราได้สูญเสียผู้นำอันเป็นกำลังสำคัญและเป็นที่รักของทุกคน ทำให้คุณแม่ต้องเปลี่ยนบทบาทตนเองจากผู้ตาม ผู้ดูแล เป็นผู้นำของทั้งครอบครัวและบริษัทฯ ชีวิตของคุณแม่ช่วงนี้ถือว่าลำบากและหนักที่สุดก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่คุณพ่อเข้ารับการผ่าตัดแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น คุณแม่จึงตัดสินใจพาไปรักษาแผนโบราณที่หัวหิน ธุรกิจการค้าก็ยังต้องดำเนินต่อไป ช่วงนั้นคุณแม่ต้องขับรถไปหัวหินเช้าเย็นกลับทุกวัน จนวันที่คุณพ่อเสีย คุณแม่ถึงกับคิดที่จะฆ่าตัวตายแต่ด้วยความรักลูก จึงย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองที่เป็นเด็กกำพร้า ลูกคนโตอายุเพียง 14 ปีที่เหลือก็ยังเล็กอยู่ จะไม่มีทางให้ลูกเป็นอย่างตัวเองแน่นอน ภายใต้ความเสียใจก็มีเรื่องดีให้กับผู้หญิงนักสู้คนนี้ ลูกน้องที่ทำงานกันมาเข้ามาคุย ให้กำลังใจและพร้อมจะต่อสู้และลุยธุรกิจไปด้วยกันกับนายหญิงคนนี้ น้องสาวคนเล็กของคุณแม่ก็เข้ามาช่วยงานและช่วยดูแลหลาน ทำให้คุณแม่มีกำลังใจและตัดสินใจสานต่อธุรกิจที่ได้ร่วมกันสร้างมากับคุณพ่อ

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่คุณแม่ต้องดำเนินธุรกิจโดยลำพัง ในสมัยนั้นโลกของธุรกิจเป็นโลกของผู้ชาย นักธุรกิจหญิงมีแทบจะนับคนได้ และก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนในประเทศไทยที่อยู่ในวงการธุรกิจฮาร์ดแวร์เช่นนี้ ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นมีความแข็งแกร่ง ทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าทัศนคติที่ว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จนสำเร็จในที่สุด ไม่ว่าจะขับรถออกไปส่งของ ไปพบพูดคุยกับลูกค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด คุณแม่ให้ความสนิทสนมและเป็นที่รักของทั้งลูกค้าและคู่ค้าไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายใหญ่ จนในวงการธุรกิจจะไม่มีใครไม่รู้จัก “หยี่ซ้อ” และตั้งสมญานามแม่ว่า “เจ้าแม่ทินเนอร์” ท่านคือผู้บุกเบิกการก่อร่างสร้างตัวและการพัฒนาของอุตสาหกรรมเคมีอย่างแท้จริง

ด้านครอบครัว ด้วยความที่ท่านเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่ก็จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกทั้ง 6 คน ตั้งแต่อายุได้เพียง 30 ปี คุณแม่เติมเต็มทุกอย่างให้ลูกๆ ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าขาด ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกทางด้านจิตใจ หรือความเป็นอยู่ โดยเฉพาะด้านการศึกษา คุณแม่ได้วางแผนอนาคตให้ลูกๆได้เรียนโรงเรียนที่ดี และปูทางถึงรุ่นหลาน ด้วยความที่คุณแม่มีความรู้น้อย จึงตั้งใจอยากให้ลูกได้เรียนให้สูงที่สุด ช่วงนั้นคุณแม่ทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง รู้เพียงตื่นตั้งแต่ตี 5 ดูรายงานว่าวันนี้ส่งของที่ไหน วันนี้ขายดีรึเปล่า การเก็บเงินลูกค้าเป็นอย่างไร วนอยู่อย่างนี้ทุกวัน ในสมองของคุณแม่มีแต่คำว่าต้องหาเงินให้มากที่สุดเพื่อให้ลูกๆทุกคนได้ไปเรียนต่างประเทศ คุณแม่รักครอบครัวมากพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว โดยเฉพาะกับลูกๆ ซึ่งเป็นดวงใจของท่าน ท่านทุ่มเท ให้ความรัก เลี้ยงเราทุกคนเหมือนเป็นผู้ใหญ่ คอยให้กำลังใจ และคอยสอนด้วยการให้คำอธิบาย ใจเย็น และปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้จากชีวิตด้วยตัวเอง ท่านชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่คุยสนุกและมักสอดแทรกคำสอนอยู่เสมอ

คำสอนของคุณแม่ที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งคือ ให้ซื่อสัตย์ ยึดมั่นคุณธรรม ในการใช้ชีวิตเราต้องไม่ประมาท ชีวิตคนเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งย่อมมีขึ้นมีลง และเมื่อเราผิด ก็ให้เราเรียนรู้จากความผิดให้เป็นครู คุณแม่ยังสอนพวกเราเสมอว่า ต้องรู้จักให้อภัย ต้องให้โอกาสครั้ง 1 2 3 แล้วค่อยมาพิจารณา อย่ารีบตัดสินโทษใคร อย่าเอาเปรียบคนอื่น อย่าเบียดเบียนใคร แต่ในทางกลับกันเราต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ ต้องมีความอดทน และคอยดูตัวเองก่อน ก่อนที่เราจะตัดสินคนอื่น และคุณแม่ก็บอกเสมอว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้ทำด้วยความจริงจัง ทำด้วยความจริงใจ

นอกจากความเป็นแม่ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ท่านยังได้อุทิศเวลา กำลังกาย กำลังทรัพย์ เอาใจใส่ด้านงานการศาสนาและการสังคมสงเคราะห์มาโดยตลอด ท่านอุปถัมภ์วัดต่างๆทั้งในกรุงเทพและต่างจังวัด โดยบริจาคเงินสร้างพระ อุโบสถ ทอดกฐิน จัดาทุนช่วยนักเรียน โรงเรียน ทัณฑสถานหญิง มาโดยตลอดและท่านได้สั่งลูกหลานดำเนินการต่อเนื่อง เมื่อ พ.ศ. 2547 ท่านได้ทำบุญใหญ่โดยทำการแจกทานให้กับคนยากจน ที่อยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 101 จำนวน 1,400 คน เพื่อช่วยให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

งานด้านสังคมสงเคราะห์นั้น ในสมัยที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกและดำรงตำแหน่งสำคัญๆในองค์กรต่างๆ อาทิได้รับเลือกจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมสตรีสัมพันธ์ในปี พ.ศ. 2543  นายกสโมสร โรตารีกรุงเทพฯ พระราม 3 ในปี พ.ศ. 2545 ท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจที่จะทำงานเพื่อสังคมและด้วยความตั้งใจของท่านทำให้ท่านได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่รางวัลที่ทำแม่ภาคภูมิใจมากที่สุดคือ รางวัลแม่ดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2543 ประเภทแม่ผู้มีความอดทน ขยัน หมั่นเพียร โดยได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2543

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกอย่างล้วนเป็น อนิจัง อนัตตา ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว คุณหมอตรวจพบเชื้อมะเร็งในตับของคุณแม่ และแจ้งว่าคุณแม่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน ถึงแม้ว่าลูกๆจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเอาชนะโรคนี้ได้ แต่เราทุกคนก็ทำทุกวิถีทาง ไม่ว่ายาอะไรดี หมอที่ไหนเก่ง อะไรที่เราทำได้ เราทำหมดทุกอย่าง เพียงเพื่อซื้อเวลาให้แม่อยู่กับพวกเราไปนานๆ แต่หากต้องถึงเวลาต้องจากกันจริงๆ  ขอเพียงให้แม่หลับให้สบาย

ในวาระสุดท้ายที่คุณแม่ต้องต่อสู้เพื่อรักษาลมหายใจของท่านเอาไว้ ตอนนี้โลกจะไม่มีแม่แล้ว ลูกๆ ทุกคนขอกราบขอบพระคุณคุณแม่จากหัวใจที่อดทนสู้เพื่อพวกเรามา แม่ทำหน้าที่ทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นภรรยาที่อยู่เคียงข้างอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี เป็นหยี่แจ้ที่รักและคอยช่วยเหลือน้องเสมอ เป็นแม่นักสู้ที่เสมือนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกๆ เป็นอาม่าที่น่ารักและใจดีที่สุดของหลานๆเป็นหยี่ซ้อ คนเก่งที่ของคนในวงการธุรกิจ เป็นคุณเพ็ญที่มีแต่คำว่าให้ ของเพื่อนๆและลูกน้อง ขอบคุณแม่เหลือเกินที่คอยปูทางทุกอย่างไว้ให้พวกเรา เราจะขอเดินตามทางทุกอย่างที่แม่ปูไว้เราจะดูแลลมหายใจที่แม่ให้ไว้ต่อไป และจะจดจำคำสอนของแม่ อ้อมกอด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่เราเคยมีให้กันเพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือน เป็นความรัก ความผูกพัน ที่เรามีต่อกันตลอดไป

แม้วันนี้ชีวิตเราจะไม่มีแม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่พวกเรายังมีเลือดเนื้อของแม่อยู่ในร่างกายอยู่ในหัวใจของลูกๆ ทุกคน ชีวิตนี้พวกเราภูมิใจเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ จากนี้ไปลูกทุกคนจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ทำให้แม่ภูมิใจในตัวลูกกว่าที่เคย รักแม่สุดหัวใจ

Comments (0)

อยากเรียนคณะบิสซิเนส ม.ดังนิวซีแลนด์ เชิญฟังสัมมนาออนไลน์ ฟรี “3 ปีจบตรี 1 ปีจบโทคณะบิสซิเนส AUT” เรียนทันที ไม่ต้องรอเปิดประเทศ

Posted on 11 พฤษภาคม 2021 by admin

อยากเรียนต่อป.ตรี-ป.โท คณะบิสซิเนส  ม.ดัง นิวซีแลนด์ ได้ทันที โดยไม่ต้องรอเปิดประเทศ เชิญร่วมสัมมนาออนไลน์ ฟรี  “3 ปีจบตรี 1 ปีจบโทที่คณะบิสซิเนส AUT”   จัดโดยหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทยร่วมกับ มหาวิทยาลัย Auckland University of Technology (AUT) เชิญชวนนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อปริญญาตรีและปริญญาโท และผู้สนใจทั่วไป ร่วมฟังสัมมนาออนไลน์ฟรีผ่านช่องทาง Zoom  คลิก https://bit.ly/32um10z

          ในวันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2564 นี้  เวลา 10.00 น. 11.00 น.

เชิญมาเรียนรู้ว่าทำไมนิวซีแลนด์เป็นที่ 1 จากประเทศที่พูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักในการสร้างเด็กสู่อนาคต พิเศษสุดกับการสัมมนาแนะแนวศึกษาต่อพร้อมเปิดโอกาสถามตอบอย่างละเอียด ดำเนินรายการเป็นภาษาไทย พร้อมให้ข้อมูลแบบจัดเต็มจากเจ้าหน้าที่คณะบิสซิแนส มหาวิทยาลัย AUT ภายในงานพบคำตอบ

 – การเรียนจบป.ตรี Business ที่ AUT ได้ภายใน 3 ปี โดยใช้วุฒิม. 6

– ป.โทปีเดียวจบ ไม่ต้องมีประสบการณ์ทำงาน

– คณะบิสซิเนส ของ AUT เน้นเรียนจบได้งานจริง

– โอกาสการทำงานหลังเรียนจบกับ Post Study Work Visa 3 ปี

– ประเทศยังไม่เปิดก็สามารถเรียนออนไลน์รอ เพื่อพร้อมเรียนต่อเนื่องได้ทันทีที่ประเทศเปิด

– ดำเนินรายการเป็นภาษาไทย พร้อมให้ข้อมูลแบบจัดเต็มจากเจ้าหน้าที่คณะบิสซิแนส มหาวิทยาลัย AUT

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง Line https://line.me/ti/p/~00166814239391

Comments (0)

น้อมรำลึกพระกรุณาธิคุณ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ เนื่องในวันคล้ายวันประสูติ

Posted on 06 พฤษภาคม 2021 by admin

                วันที่ 6 พฤษภาคม 2564 เป็นวันคล้ายวันประสูติ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ครบ 98 พรรษา เป็นสมเด็จพระโสทรเชษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทรและพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว

ตลอดพระชนมชีพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายเพื่อแบ่งเบาพระราชภาระพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ทรงมีโครงการในพระอุปถัมภ์มากมายหลายร้อยโครงการ ทั้งด้านการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การแพทย์และการสาธารณสุข การต่างประเทศ การศาสนาและอื่น ๆ

ทรงมีความสนพระทัยงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุขเป็นพิเศษ ด้วยทรงมีพระดำริว่า ปัญหาสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกลเป็นเรื่องสำคัญ จึงทรงรับสืบทอดงานทางด้านการแพทย์สาธารณสุขจากสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี คือ มูลนิธิแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.) หรือ หมอกระเป๋าเขียว รวมทั้งมูลนิธิโรคไตแห่งประเทศไทย ซึ่งมูลนิธิโรคไตฯได้ให้การช่วยเหลือผู้ป่วยเกี่ยวกับค่ายาค่ารักษาพยาบาล ในโรงพยาบาลต่างๆทั่วประเทศ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม และการผ่าตัดเปลี่ยนไตอีกด้วย

นอกจากนั้น ยังทรงดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิขาเทียมในสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ซึ่งทรงร่วมกับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีก่อตั้งขึ้นมา โดยทรงลงพระนามขอจดทะเบียนก่อตั้งมูลนิธิด้วยพระองค์เอง และพระราชทานเงินประเดิมร่วมกับที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีพระราชทานในการก่อตั้งมูลนิธิขาเทียมฯ เพื่อจัดทำขาเทียมและพระราชทานแก่ผู้พิการขาขาดผู้ยากไร้ในชนบทโดยไม่คิดมูลค่า และค้นคว้า วิจัย พัฒนาชิ้นส่วนขาเทียมจากวัสดุภายในประเทศเพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ อันเป็นการพัฒนาองค์ความรู้ในประเทศและลดมูลค่าการขาดดุลการค้าลงด้วย และทรงดำรงตำแหน่งประธานมูลนิธิถันยรักษ์ในพระบรมราชูประถัมภ์สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังได้ทรงรับมูลนิธิและกองทุนการกุศลต่างๆ ทางด้านสาธารณสุขไว้ในพระอุปถัมภ์อีกหลายหน่วยงาน ได้แก่ กองทุนสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเพื่อพัฒนาการพยาบาล  ศิริราชมูลนิธิ มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ มูลนิธิช่วยการสาธารณสุข มูลนิธิส่งเสริมสวัสดิภาพสตรีและเยาวชน มูลนิธิเด็กโรคหัวใจ มูลนิธิช่วยการสาธารณสุข สมาคมพยาบาลสาธารณสุขไทย มูลนิธิเพื่อโรงพยาบาลราชานุกูล มูลนิธิสงเคราะห์เด็กพิการทางสมองและปัญญา โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ มูลนิธิโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน มูลนิธิโรงพยาบาลเลิดสิน เป็นต้น

พระกรณียกิจด้านการศึกษา เป็นอีกด้านที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ทรงสนพระทัยเป็นอย่างมาก เพราะทรงเล็งเห็นว่า การศึกษาจะช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

เนื่องจากทรงจบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ทรงมีความเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศส สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีจึงทรงแนะนำให้สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ใช้ความรู้ทางภาษาให้เป็นประโยชน์ จึงทรงรับตำแหน่งเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาต่างประเทศในมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โดยเฉพาะที่คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พระองค์ทรงเป็นพระอาจารย์ประจำนานถึง 8 ปี และทรงเป็นหัวหน้าภาควิชาภาษาต่างประเทศ ทรงดูแลและจัดทำหลักสูตรการสอนของอาจารย์ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ ทรงจัดทำหลักสูตรปริญญาตรีสาขาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสสำเร็จ ด้วยการผสมผสานความรู้ด้านภาษาและวรรณคดีให้เข้ากันอย่างเหมาะสม โดยทรงได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น ศาสตราจารย์พิเศษ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม พ.ศ.2521

นอกจากนี้ยังทรงสนพระทัยโครงการจัดส่งเยาวชนไทยไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ตั้งแต่ปี พ.ศ 2532 โดยได้พระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ และเงินกองทุนสมเด็จย่าสนับสนุนโครงการ ทรงติดตามความเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนการแข่งขัน พระราชทานกำลังใจ และทรงแสดงความยินดีแก่เยาวชนไทยที่ได้รับรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณจากการแข่งขันในทุก ๆครั้ง ทรงเป็นองค์พระอุปถัมภ์ ”มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ” (สอวน.) ทำให้บรรดาเยาวชนไทยได้ค้นพบตัวเองและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยติดต่อกันมายาวนานหลายปี ตั้งแต่ปีแรกที่มีการส่งเยาวชนร่วมแข่งขัน

ทุกครั้งที่สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ เสด็จเยี่ยมราษฏรในพื้นที่ห่างไกลกับหน่วยแพทย์อาสาสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (พอ.สว.)  พระองค์มักจะเสด็จเยี่ยมโรงเรียนต่างๆ สอบถามครูถึงแนวทางการเรียนการสอน โดยเฉพาะโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน อีกทั้งยังทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จาก”ทุนการกุศลสมเด็จย่า” และ “ทุนการกุศล กว.” ให้แก่โครงการพระเมตตาสมเด็จย่า ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนงานการพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งทางด้านการศึกษา สาธารณสุขของประชาชนผู้ด้อยโอกาสในถิ่นทุรกันดารและบนพื้นที่สูง เพื่อสืบสานพระปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ และเล็งเห็นถึงความเสียสละของครูที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในปี พ.ศ.2552 หลังการสิ้นพระชนม์ของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ โครงการพระเมตตาสมเด็จย่า จึงก่อตั้งโครงการครูดีเด่น “รางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” ขึ้นเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ครูที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละความสุขส่วนตัว โดยการคัดเลือกครูจาก 3 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.), สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.)  หน่วยงานละ 3 รางวัลรวมปีละ 9 รางวัล โดยพิธีการมอบ“รางวัลครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” กำหนดเป็นวันที่ 6 พฤษภาคมของทุกปี ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ

นอกจากงานด้านการศึกษาแล้วแล้ว ยังทรงส่งเสริมงานแสดงด้านศิลปวัฒนธรรม เช่น ดนตรีคลาสสิก ละครอุปรากร โดยทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของวงซิมโฟนีออร์เคสตราแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วงดุริยางค์เยาวชนไทย และทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิก เป็นต้น

                ในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ.2564 ขอเชิญปวงพสกนิกรชาวไทยได้ร่วมสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงพระกรณียกิจในด้านต่างๆ เพื่อความสุขแก่พสกนิกรชาวไทยทั่วไปทุกคน

Comments (0)

SIBA รับรางวัลเชิดชูเกียรติแห่งปีฯ

Posted on 04 พฤษภาคม 2021 by admin

Thailand Master Youth - 1_resize

          นางพิริยาภรณ์ ธรรมมารักษ์ ประธานกรรมการบริหาร และดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี ผู้อำนวยการ SIBA วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์ฯ ร่วมแสดงความยินดีกับ  นายสัญชัย สามารถ นักศึกษารับรางวัลเชิดชูเกียรติ “เยาวชนต้นแบบ” สาขา “ทักษะ ฝีมือ และอาชีพ” ในงานประกาศรางวัลเกียรติยศ เชิดชูเกียรติเยาวชนไทย หรือ THAILAND MASTER YOUTH 2020-2021 เป็นรางวัลเพื่อเชิดชูหน่วยงาน องค์กร บุคคล และเยาวชนคนเก่ง คนดี มีความสามารถ สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศและเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็ก-เยาวชนเป็นต้นแบบที่จะช่วยขับเคลื่อนประเทศต่อไป เป็นการคัดเลือกของชมรมสร้างสรรค์ พัฒนา เด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย  ณ ห้องอัลตร้าอรีน่า ชั้น5  ศูนย์การค้าโชว์ดีซี เมื่อเร็วๆนี้

Comments (0)

ลงนามความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ และสภาทนายความ

Posted on 04 พฤษภาคม 2021 by admin

S__30318621_resize

บาทหลวงภัทรพงศ์ ศรีวรกุล, C.Ss.R. ประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับ ว่าที่ร้อยตรี ดร.ถวัลย์ รุยาพร นายกสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อให้คำปรึกษาทางกฎหมายและปฏิบัติงานทางคดี รวมทั้งพัฒนากฎหมายและนโยบายสาธารณะ ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ และทำให้สิทธิคนพิการตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิคนพิการ ณ ห้องประชุมสภาทนายความ  เมื่อเร็วๆนี้

S__30318617_resize

Comments (0)

การศึกษานิวซีแลนด์ เปิดหลักสูตร “New Global Pathway to New Zealand” เตรียมพร้อมวางแผนอนาคตการศึกษาต่อมหาวิทยาลัย TOP U จากนิวซีแลนด์

Posted on 27 เมษายน 2021 by admin

DSC_1584-1_resize_resize

การศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand; ENZ) ร่วมกับ  University Consortium (NCUK)  และ ศูนย์การศึกษา British Academic Center  จัดงาน Open House พร้อมเปิดตัวหลักสูตรใหม่ “New Global Pathway to New Zealand”  ช่วยให้น้องๆสามารถเริ่มการศึกษานิวซีแลนด์ได้ที่บ้าน การันตีมหาวิทยาลัย TOP U จากนิวซีแลนด์ เมื่อจบหลักสูตรจะได้รับการรับประกันการเข้าเรียนต่อกับมหาวิทยาลัยแห่งใดแห่งหนึ่งของนิวซีแลนด์ โดยมี นางสาว ช่อทิพย์ ประมูลผล (ที่ 4 จากซ้าย)  ผู้อำนวยการ ประจำประเทศไทย หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ และ นายวรรณวิสุทธิ์ วิรวรรณ (ที่ 5 จากซ้าย) ผู้อำนวยการใหญ่ของ NCUK ศูนย์ประเทศไทย  ณ ศูนย์การศึกษา บริติช อะเคเดมิค เซ็นเตอร์

ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.studyinnewzealand.govt.nz/study-options/global-pathways/ หรือติดต่อ บริติช อะเคเดมิค เซ็นเตอร์ โทร. 02-513-3499

Comments (0)

“ชลิต อินดัสทรี” รักษ์เล ปล่อยปลา คืนสู่ธรรมชาติ ชวนทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทย

Posted on 26 เมษายน 2021 by admin

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ ภายใต้แบรนด์ “POP” ร่วมด้วย นางสาววิมลลักษณ์ ยงเห็นเจริญ กรรมการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง จัดกิจกรรม “ชลิต อินดัสทรี รักษ์เล ปล่อยปลา คืนสู่ธรรมชาติ”  นำทีมผู้บริหารและพนักงาน ปล่อยพันธุ์ปลากะพงขาว และพันธ์กุ้งแชบ๊วยกว่า 300,000 ตัว เนื่องในเทศกาลปีใหม่ไทย  โดยมี นายรัชกฤต ตันวิไลย ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยฯให้เกียรติร่วมงานด้วย ณ  ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งระยอง เมื่อเร็วๆ นี้

Comments (0)

เซเลบสาวรวมใจรณรงค์ชวนคนไทยบริจาค “มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ” ช่วยเหลือคนพิการ ส่งมอบพลังบวกสู้วิกฤติไปด้วยกัน

Posted on 19 เมษายน 2021 by admin

จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า ในสังคมไทยปัจจุบันมีคนพิการและทุพพลภาพมากกว่า 2 ล้านคน ซึ่งจริงๆ พวกเขาเหล่านี้มีศักยภาพ และสามารถอยู่ร่วมกับคนในสังคมได้ แต่ยังขาดการเข้าถึงความช่วยเหลือและโอกาสที่จะช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น แต่เมื่อเอ่ยถึง “มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ”เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นองค์กรสาธารณกุศลด้านคนพิการระดับสากล ที่ให้ความช่วยเหลือเยาวชน คนพิการโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ดำเนินการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่ามากว่า40 ปี เพื่อให้คนพิการได้พึ่งพาตนเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดี ที่ผ่านมามูลนิธิฯ ได้ให้ความช่วยเหลือคนพิการเป็นจำนวนมากทั้งด้านการศึกษา การฝึกอาชีพ การจัดหางาน ฯลฯ แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 และสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการทำงาน จึงขอเชิญชวนบริจาคด่วนๆ! เพื่อส่งเสริมให้น้องๆ มีอาชีพและช่วยเหลือตัวเองได้ต่อไป…

ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ 3_resize

ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เผยว่า “ที่ผ่านมารายได้ของมูลนิธิฯ มาจากการสนับสนุนจากภาครัฐและเป็นการรับบริจาคภาคเอกชนทั้งหมดแต่จากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ยอดบริจาคลดลงอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานทางด้านความช่วยเหลือคนพิการ และสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินงานของสถาบันการศึกษาของมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการทั้ง 4 แห่ง ประกอบด้วย โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยาในพระราชูปถัมภ์ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ หนองคายในพระราชูปถัมภ์ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา และโรงเรียนเด็กพิเศษ

ด้วยเหตุนี้ สาวๆเซเลบคนดัง… จึงร่วมมือร่วมใจรณรงค์ให้ผู้ใจบุญทุกท่านได้ร่วมบริจาคเงินหรือข้าวสารอาหารแห้งทั้งหลายเพื่อช่วยมูลนิธิฯ ให้ชีวิตของคนพิการมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งและมีโอกาสได้ใช้ชีวิตในสังคมอย่างพึ่งพาตนเองได้ ให้มีอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง เลี้ยงครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม

คุณหญิงนุ่น – ม.ร.ว.สุทธิภาณี ยุคล “นุ่นทราบว่าปัจจุบันมูลนิธิฯ มีนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นคนพิการทั้งสิ้น รวมทั้งบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลทั้งหมดกว่า 800 คน ซึ่งทั้งหมดมูลนิธิฯ ได้จัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืนโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อให้บริการช่วยเหลือคนพิการในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมอาชีพให้มีงานทำสำหรับคนพิการ ซึ่งนุ่นมองว่าตรงนี้เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ประโยชน์สูงสุดให้คนพิการ นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้คนพิการที่อยู่ในชนบทและมีความยากลำบากให้เข้าถึงระบบการศึกษา ได้มีทักษะทางด้านวิชาชีพ และทักษะสังคม นำไปสู่การได้งานทำที่มั่นคงหรือประกอบอาชีพมีรายได้เลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ จึงอยากจะขอเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคช่วยเหลือคนพิการได้ด้วยสามารถช่วยเหลือโดยบริจาคเงินผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0  ซึ่งสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้

คุณจุ๋ย–จรสพรรณ สวัสดิวัตน์ ณ อยุธยา “สถาบันศึกษาในการดูแลของมูลนิธิฯ เป็นการให้บริการแบบ รร.ประจำที่มูลนิธิฯ จะต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหารการกิน รวมทั้งการจัดการศึกษาและกิจกรรมอื่นๆเกี่ยวข้อง จุ๋ยรู้มาว่าคนพิการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิฯ มีฐานะยากจน มูลนิธิฯ จะต้องหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ ส่วนหนึ่งมาจากการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธา รวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทำให้มีผู้บริจาคลดลงอย่างมาก การจัดการเรียนการสอนให้กับคนพิการก็อาจหยุดชะงักลง  มูลนิธิฯ ขาดทรัพยากรด้านการสื่อสาร เครือข่ายอินเตอร์ความเร็วสูงและเทคโนยีสารสนเทศอุปกรณ์ จึงอยากเชิญชวนทุกท่านที่พอมีกำลังทรัพย์ได้ร่วมกันทำบุญในเทศกาลสงกรานต์ปีใหม่ไทยด้วยการบริจาคให้กับนักเรียนและคนพิการเหล่านี้ให้โอกาสเขาได้กลับมาเรียนด้วยนะคะ”

ดังนั้น เพื่อเป็นการช่วยเหลือคนพิการที่อยู่ในความดูแลของสถาบันฯ จึงขอความเมตตาผู้มีจิตศรัทธาช่วยบริจาคเงินเพื่อเหลือคนพิการได้ โดยโอนเงินผ่านธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0  นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้

Comments (0)

“SIBA” เปิดภาคสมทบออนไลน์ ปวส.เน้น”สาระ กระชับ ชัดเจน ทันสมัย ทันต่อโลก” ส่งเสริม – เพิ่มทักษะวิชาชีพคนทำงานทั้ง Upskill & Reskill

Posted on 16 เมษายน 2021 by admin

            SIBA เปิดเรียนต่อภาคสมทบออนไลน์ ระดับ ปวส.จับกลุ่มคนทำงานที่ต้องการเพิ่มทักษะด้านวิชาชีพโดยตรง เน้นการเรียนฝึกภาคปฏิบัติ เผยเป็นหลักสูตรเดียวที่ส่งเสริมทั้งการเพิ่มทักษะ Up Skill & Re Skill เน้น สาระ กระชับ ชัดเจน ทันสมัย ทันต่อโลก เพื่อให้ผู้เรียนนำไปประกอบอาชีพได้จริง มีประสิทธิภาพ เพิ่มเงินเดือน พร้อมจัดระบบการเรียนสมดุลระหว่างการเรียนแบบ online กับ onsite ทำให้คุณภาพการจัดการศึกษามีมาตรฐานเทียบเท่ากับหลักสูตรปกติของวิทยาลัยฯ ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมการกําหนดกิจกรรมการเรียนการสอน ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการ เปิดรับแล้วกับหลักสูตรยอดฮิตทั้งบัญชี  เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล การตลาด การโรงแรม ฯลฯ มีทุนและมีสิทธิ์กู้    กยศ. ได้ด้วย สนใจคลิก https://siba.ac.th/

            ดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี  ผู้อำนวยการ SIBA (วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี) เปิดเผยว่า SIBA เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ มุ่งพัฒนาสมรรถนะของนักศึกษาอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมบูรณาการสู่มาตรฐานสากล และสามารถดำรงตนอยู่ในประชาคมโลกอย่างมีความสุข ปัจจุบันองค์กรและสถานประกอบการหลายแห่งกำหนดคุณสมบัติผู้สมัครงานเป็นวุฒิ ปวช. หรือ ปวส. เพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ SIBA เองก็มีหลักสูตรที่หลากหลายให้เลือกเรียนตามความต้องการ โดยเฉพาะในระบบภาคสมทบ ระดับ ปวส. ที่ใช้เวลาเรียนต่างกับภาคปกติ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง ไม่กระทบเวลางาน เหมาะกับคนทำงานที่ต้องการยกระดับความรู้ของตนเองในสาขาเฉพาะทาง เพื่อปรับฐานเงินเดือนหรือนำไปใช้สมัครงาน ปัจจุบันเปิดให้มีการเรียนการสอนแบบออนไลน์เป็นหลัก เหมาะกับกลุ่มผู้ทำงานอยู่แล้ว หรือผู้ไม่สะดวกเรียนในเวลาตามปกติ เพราะสามารถเลือกเรียนตามเวลาที่สะดวกอีกทั้งยังสามารถเรียนย้อนหลังได้อีกด้วย

“จุดเด่นของการเรียนต่อระบบภาคสมทบออนไลน์ (ปวส.) ที่ SIBA เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มทักษะด้านวิชาชีพโดยตรง เน้นการเรียนฝึกภาคปฏิบัติเพื่อนำไปประกอบอาชีพได้จริงด้วยความมั่นใจ และมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหลักสูตรภาคสมทบจึงเรียกได้ว่าเป็นหลักสูตรเพิ่มทักษะ ความชำนาญ (Upskill) และการสร้างทักษะใหม่ที่ (New Skill) ที่จำเป็นในการทำงานของผู้เรียน หรือการเพิ่มพูนทักษะเดิมให้สูงขึ้น (Reskill) เพื่อนำกลับมาใช้ประกอบอาชีพ ให้มีความมั่นคง เชี่ยวชาญ ทันสมัย และทันต่อโลกมากยิ่งขึ้น ระบบการเรียนการสอนที่เน้นสาระ กระชับ ชัดเจน สามารถนำไปใช้ในการทำงานได้ทันที ใช้สื่อการเรียนการสอนที่เข้าใจง่าย ระบบการเรียนแบบ online ในภาคทฤษฎี และ onsite ในการฝึกปฏิบัติ ทำให้เหมาะสมและสะดวกกับผู้เรียน  ที่ต้องทำงานและเรียนไปด้วย”

พร้อมกันนี้ หลักสูตรภาคสมทบออนไลน์ ที่ SIBA ได้วางไว้สำหรับผู้ทำงานแล้ว และต้องการที่จะเพิ่มคุณวุฒิ เพิ่มรายได้ของตนเอง พร้อมๆกับการเรียนรู้เพื่อให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบัน โดย SIBA เป็นวิทยาลัยที่ได้รับการยอมรับจากภาครัฐ และเอกชนถึงคุณภาพการศึกษา มีการเรียนการสอนทันสมัย ทันต่อสถานการณ์โลกปัจจุบัน และหลักสูตรภาคสมทบยังเปิดสอนในวันและเวลา ที่เหมาะสมกับบุคคลวัยทำงาน ซึ่งมีให้เลือกทั้งภาคค่ำออนไลน์ เรียนเพียง 3 วันต่อสัปดาห์ ในช่วงเวลาหลังเลิกงาน คือ 18.00-20.30 น. หรือ ลงเรียนเฉพาะวันอาทิตย์ออนไลน์ 1 วันต่อสัปดาห์ เวลา 08.00 -16.30 น. ก็ได้

ผู้อำนวยการ กล่าวอีกว่า “SIBA ได้วางกลยุทธ์และนโยบายในการจัดการเรียนการสอบระบบภาคสมทบ ระดับ ปวส. คือ 1.การเรียนแบบจัดความสมดุลระหว่างการเรียนแบบออนไลน์ กับ ที่วิทยาลัยฯ อย่างมีคุณภาพการจัดการศึกษา ซึ่งมีมาตรฐานเทียบเท่ากับหลักสูตรปกติของวิทยาลัยฯ 2. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการกําหนดกิจกรรมการเรียนการสอน ยืดหยุ่นได้ตามความต้องการเน้นการเรียนออนไลน์เป็นหลัก 3. ส่งเสริมกระบวนการคิดวิเคราะห์ให้กับผู้เรียนให้สามารถเป็นแนวทางในการทำงานในอนาคตได้ 4. สอดแทรกคุณธรรม และจริยธรรมในระหว่างการเรียนการสอน 5. ระยะเวลาในการศึกษาเป็นชุดวิชาแบบต่อเนื่อง ทำให้สามารถควบคุมการเรียนได้ตามระยะเวลาที่กำหนด 6. จัดเวลาเรียนและเนื้อหาให้ตรงใจผู้เรียน เมื่อเรียนแล้วดี แล้วบอกต่อกัน (Word of Mouth) 7. สถานประกอบการทั้งภาครัฐและเอกชนชั้นนำต่างไว้ใจในคุณภาพการศึกษาของ SIBA”

นอกจากนี้  ยังมีการเรียนการสอนแบบออนไลน์เป็นหลัก ผู้เรียนสามารถเลือกเรียนตามเวลาที่สะดวก และเรียนย้อนหลังได้ สำหรับหลักสูตรการเรียนการสอนยอดฮิต อาทิ บัญชี เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล การตลาด และการโรงแรม ซึ่ง SIBA ได้ผลิตคนคุณภาพในหลักสูตร ปวช. และปวส. ภาคสมทบ มาไม่น้อยกว่า 5 พันคน ด้วยมาตรฐานคุณภาพการศึกษาที่วิทยาลัยฯ ไม่หยุดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งขอทุนการศึกษา และ นักศึกษามีสิทธิ์กู้ กยศ. ได้ตามเงื่อนไขของกองทุน และสามารถศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี กับมหาวิทยาลัยที่ทำความร่วมมือกับวิทยาลัยได้ โดยมีส่วนลดทุนการศึกษาพิเศษตามที่มหาวิทยาลัยกำหนดในแต่ละปีการศึกษา และสามารถเทียบโอนหน่วยกิตในการศึกษาต่ออย่างเนื่องได้อีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจเรียนต่อในระบบภาคสมทบ (ปวส.) ที่ SIBA สามารถคลิ๊กเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่  https://siba.ac.th/ หรือโทร. 02-939-3000 และ 092-290-3572 สมัครด่วนหมดเขตการรับสมัครเรียน 31 พฤษภาคมนี้

Comments (0)

“ดีป้า” เดินหน้าเตรียมปรับธุรกิจเกษตรรับมือกับเทคโนโลยี Digital Transformation กับหลักสูตรผู้นำเกษตร CDA รุ่น2

Posted on 07 เมษายน 2021 by admin

          สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ “ดีป้า” เดินหน้าเพิ่มทักษะผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร รุ่น2 (Chief of Digital AGRO Business – CDA#2) เริ่มต้นด้วยการแชร์ประสบการณ์จาก ดร.จิตเกษม พรประพันธ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายโครงสร้างเศรษฐกิจ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “แนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 2021 หลังการระบาดไวรัสโควิด-19” ต่อด้วย คุณชนาธิป จริยาวิโรจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ Digital Transformation ธนาคารแห่งประเทศไทย ในหัวข้อ “กรณีศึกษา Digital Transformation ธนาคารแห่งประเทศไทย” และคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร (CDA) รุ่นที่2

เข้าเยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ ธนาคารแห่งประเทศไทย พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย อาทิ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ดร. ชินาวุธ ชินะประยูร นายชิษณุชา บุดดาบุญ ดร.สุรจิต  ลักษณะสุต นายเบญจพล พาลี นายวีรวัฒน์ กำจรวงศ์ไพศาล นายวิทวัส  ปัญญาแหลม ดร.อัจฉรา ภาวศุทธิ์ นายภานุ  เนื่องจำนง นางสาวดวงพร อุดมทิพย์  นางลักขณา ตั้งจิตนบ นางทัศนีย์ ทองมี นายรัสชัย เหรียญพาณิชย์  นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย นางพรพนิต รัตนกุล นายอาณัติ กลิ่นส่ง นายศุภชัย สามเสน นายเกรียงไกร  วัฒนาสว่าง นางอัญชนา ตราโช  นางสาวนันทวรรณ สุริย์ นางสาวศลิษา หาญพานิช นายกิติกร ลิมปนพงศ์เทพ  ดร.เมธี พะยอมยงค์ นางสาวอโณทัย ดลพิทักษ์ นายธนบดี สวัสดิ์ศรี นางสาวอินทิรา ฟุ้งมงคลเสถียร นางสาวอรวรรณ ติลกเรืองชัย  นายปุณนะ วงศ์ธนาศิริกุล นายธำรงเกียรติ  อุทัยสาง  นายสมัย ลี้สกุล เป็นต้น

สำหรับการเพิ่มทักษะในครั้งนี้… คณะผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตรฯ สามารถพัฒนาทักษะให้มีความรู้เรื่อง Digital Transformation  ในการกำหนดนโยบายการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลไปใช้ในการพัฒนาองค์กรเชิงธุรกิจและเชิงบริหารได้ต่อไปในอนาคต

Comments (0)

มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อพัฒนาคนพิการ… เผยยอดบริจาคลดลงมากส่งผลกระทบต่อการทำงาน ชวนบริจาคด่วน! เพื่อส่งเสริมให้น้องๆ มีอาชีพและช่วยเหลือตัวเองได้

Posted on 24 มีนาคม 2021 by admin

คนพิการ ไม่ใช่ผู้ไร้ความสามารถ แต่เป็นผู้มีศักยภาพ หากได้รับการส่งเสริมและโอกาสที่ดีจากสังคม จะเห็นได้จากมีคนพิการมากมายที่สามารถประกอบอาชีพดำเนินชีวิตและสร้างรายได้ช่วยเหลือครอบครัวได้อย่างน่าทึ่ง ซึ่งทุกคนในสังคมสามารถมีส่วนร่วมสร้างโอกาสให้คนพิการเหล่านี้ยืนอยู่ในสังคมด้วยตนเองได้อย่างยั่งยืน ด้วยการให้พัฒนาและสร้างอาชีพแก่พวกเขา ดั่งพระราชดำรัสในหลวง ร.9 ที่พระราชทานไว้เมื่อ
4 ธันวาคม 2541 ความว่า “เราไม่ควรให้ปลาแก่เขา แต่ควรจะให้เบ็ดตกปลา และสอนให้รู้จักวิธีตกปลาจะดีกว่า” แสดงถึงการที่เราจะให้อะไร หรือช่วยเหลือใครสักคน

มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เป็นองค์กรสาธารณประโยชน์ด้านคนพิการระดับสากล ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2527 ดำเนินการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่ามากว่า 40 ปี เพื่อให้คนพิการได้พึ่งพาตนเอง มีคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งมีโอกาสได้ช่วยเหลือครอบครัว ผลงานในด้านนี้ได้รับการรับรองมาตรฐานองค์กรระดับดีมาก ที่ผ่านมาเราได้ให้ความช่วยเหลือคนพิการเป็นจำนวนมากทั้งด้านการจัดการศึกษา การฝึกอาชีพ บริการจัดหางาน รณรงค์ด้านการเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการของคนพิการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 และสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินงานของสถาบันการศึกษาของมูลนิธิฯทั้ง 4 แห่ง คือ โรงเรียนสอนคนตาบอดพระมหาไถ่พัทยา วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ หนองคาย  วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา และโรงเรียนเด็กพิเศษคุณพ่อเรย์  ซึ่งให้ความช่วยเหลือเยาวชนคนพิการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ พร้อมเปิดสายด่วนคนพิการ 1479 เพื่อให้บริการแก่คนพิการในทุกมิติหรือทุกเรื่อง เผยที่ผ่านมายอดบริจาคลดลงอย่างมาก ส่งผลกระทบต่อการทำงานของเราต้องหยุดชะงัก ประกาศขอความช่วยเหลือด่วน! หากจำเป็นอาจส่งกลับภูมิลำเนาเป็นภาระต่อสังคมต่อไป สามารถช่วยเหลือโดยบริจาคเงินผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0  นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้

          ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เปิดเผยว่าถึงแม้ปัจจุบันจะมีวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของของโควิด-19 แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอ ประกอบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินงานของสถาบันการศึกษาของมูลนิธิ ฯทั้ง 4 แห่ง ซึ่งให้ความช่วยเหลือเยาวชนคนพิการ โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ปัจจุบันมูลนิธิ ฯ มีสถานศึกษาทั้งหมด มีนักเรียนและนักศึกษาซึ่งเป็นคนพิการในความดูแลที่อาศัยอยู่ประจำประมาณ 524 คน  ยังไม่รวมบุคลากรและครู ซึ่งอยู่ในความดูแลอีกกว่า 300 คน ซึ่งทั้งหมดมูลนิธิฯ ได้จัดการศึกษาสำหรับคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้บริการช่วยเหลือคนพิการในทุกมิติหรือทุdเรื่องบริการโดยคนพิการเพื่อคนพิการอย่างแท้จริง การส่งเสริมอาชีพคนพิการสู่การมีงานทำที่มีคุณค่าอย่างยั่งยืน เป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ประโยชน์อย่างสูงสุดกับคนพิการ โดยเปิดโอกาสให้คนพิการที่อยู่ในชนบทและมีความยากลำบากให้เข้าถึงระบบการศึกษา ได้มีทักษะทางด้านวิชาชีพ และทักษะสังคม นำไปสู่การได้งานทำที่มั่นคงหรือประกอบอาชีพที่ยั่งยืน มีรายได้เลี้ยงตนเอง ครอบครัว และอยู่ในสังคมได้อย่างเท่าเทียม อีกทั้งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนสังคมและประเทศ

นอกจากนี้ สถาบันศึกษาในการดูแลของมูลนิธิ ฯ เป็นการให้บริการแบบประจำที่มูลนิธิ ฯจะต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหาร การจัดการศึกษาและกิจกรรมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากคนพิการส่วนใหญ่มีฐานะยากจน ดังนั้นมูลนิธิ ฯ จะต้องหางบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการบริหารจัดการ โดยการรับบริจาคจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งในและต่างประเทศ รวมไปถึงการขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

นับตั้งแต่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด–19 และสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีผู้บริจาคลดลงอย่างมาก การจัดการเรียนการสอนให้กับคนพิการก็ได้หยุดชะงักลง ด้วยเพราะมูลนิธิ ฯ ขาดแคลนงบประมาณด้านการบริหารจัดการ และทรัพยากรด้านการสื่อสาร เครือข่ายอินเตอร์ความเร็วสูง เทคโนยีสารสนเทศและอุปกรณ์ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมูลนิธิฯ ที่ตั้งไว้

“พร้อมกันนี้ สื่อการเรียนและการสอนไม่ทันสมัย ไม่สามารถดำเนินการจัดการศึกษาให้กับคนพิการทั้งในสถาบันศึกษาและที่กระจายอยู่ตามบ้านทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ใช้การจัดการอบรมอย่างต่อเนื่องตลอดมาได้ส่งผลให้มูลนิธิฯ ไม่สามารถรับดูแลนักเรียนนักศึกษาพิการเหล่านี้หรืออาจจำเป็นต้องส่งกลับภูมิลำเนาเป็นภาระต่อสังคมต่อไป ดังนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือคนพิการที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิ ฯ จึงขอความเมตตาผู้มีจิตศรัทธา ช่วยบริจาคเงินช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ได้ โดยโอนเงินผ่าน ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ชื่อบัญชี มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ เลขที่บัญชี : 342-3-04066-0 ทั้งนี้นำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ โทรศัพท์ 02-572 4042 ต่อ 8100, 8102 มือถือ 099-394-4795, 094-665-2223” เลขาธิการมูลนิธิฯ กล่าวในท้ายสุด

Comments (0)

“ชลิต อินดัสทรี สานต่อก่ออาชีพช่าง ปี 2” เพื่อโรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้

Posted on 24 มีนาคม 2021 by admin

โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ (สังกัดมูลนิธิพระดาบส) ที่เกิดจากพระราชหฤทัยห่วงใยของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ จัดตั้งขึ้นด้วยพระราชหฤทัยห่วงใยเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีพระราชดำริว่าเยาวชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีปัญหาสำคัญคือขาดโอกาสการศึกษาและขาดแคลนทุนทรัพย์ จึงได้พระราชทานแนวทางการศึกษา โดยจะเน้นการเรียนการสอนภาคปฏิบัติให้เกิดทักษะและนำไปประกอบอาชีพได้จริง ตามรูปแบบและวิธีการเดียวกับโรงเรียนพระดาบสแห่งแรกที่กรุงเทพฯโดยมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับบริบททางสังคม ศาสนา และวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อให้เยาวชนนอกระบบ  ได้มีโอกาสเล่าเรียนด้านอาชีพที่เหมาะสมมีคุณธรรมและจิตสำนึกที่ดีในการอยู่ร่วมกันท่ามกลางความแตกต่างหลากหลาย รวมทั้งมีอาชีพอันเป็นส่วนสำคัญที่จะสร้างเยาวชนเหล่านี้ให้เป็นพลเมืองดี เป็นที่พึ่งของตนเองครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ

เพื่อร่วมส่งเสริมการศึกษาและเสริมสร้างวิชาชีพให้แก่เยาวชนไทย บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้  แบรนด์ “POP” ได้สานต่อโครงการ  “ชลิต อินดัสทรี สานต่อก่ออาชีพช่าง ปี 2”  โดยเมื่อเร็วๆ นี้  นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ ร่วมด้วย นางมนัสนันท์-นายอธิวัฒน์ เปรมพุฒิพันธ์  กรรมการ  บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด มอบเงิน พร้อมอะไหล่รถยนต์และอะไหล่ยาง เพื่อใช้ในการดำเนินงานของโรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ มูลนิธิพระดาบส โดยมี พลอากาศเอกชลิต พุกผาสุข  องคมนตรี กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานมูลนิธิพระดาบส

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาและการสร้างอาชีพมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 บริษัทฯได้ริเริ่มโครงการ “ชลิต อินดัสทรี สานต่อก่ออาชีพช่าง” มอบเงินบริจาคพร้อมอุปกรณ์อะไหล่รถยนต์และอะไหล่ยาง เพื่อสนับสนุนกิจกรรมการเรียนการสอนและการดำเนินงานของโรงเรียนพระดาบส กรุงเทพฯ และในปี พ.ศ. 2564 นี้ บริษัทฯยังมีความมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ในการดำเนินโครงการ “ชลิต อินดัสทรี สานต่อ ก่ออาชีพช่าง”

ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสทางศึกษาให้กับน้องๆจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้มีวิชาชีพและสามารถสร้างรายได้ดูแลตนเองและครอบครัวได้

          นายสมโชค ใหม่ชุม  ผู้อำนวยการ โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ กล่าวว่า โรงเรียนพระดาบสจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้จัดการศึกษาตามรูปแบบโรงเรียนพระดาบสที่มุ่งเน้นการสร้างโอกาสให้แก่เยาวชนที่ขาดโอกาสทางการศึกษาและขาดแคลนทุนทรัพย์ที่มีอายุระหว่าง 18 – 25 ปี ไม่มีอาชีพและความรู้พื้นฐานเข้าฝึกอบรม หลักสูตร ช่างอุตสาหกรรม (หลักสูตร 1 ปี) ได้แก่ ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างซ่อมรักษารถยนต์และเครื่องจักรกลการเกษตร ช่างไฟฟ้า และช่างเชื่อม พร้อมทั้งให้มีการอบรมคุณธรรมจริยธรรมควบคู่ไปในระหว่างเรียน ผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นโรงเรียนประจำ เน้นสอนภาคปฏิบัติได้ลงมือทำจริง โดยในปี พ.ศ. 2564 ได้เปิดรับสมัครศิษย์พระดาบสเป็นรุ่นที่ 12 เข้าศึกษาต่อ จำนวน  80 คน จาก 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ จังหวัดยะลา, ปัตตานี, นราธิวาส, สตูล และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (อำเภอเทพา, สะบ้าย้อย, จะนะ และอำเภอนาทวี) โดยจะเริ่มเปิดการเรียนการสอนในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้

 สำหรับผู้สนใจ อยากมีส่วนร่วมสนับสนุนด้านการศึกษาให้กับน้องๆ สามารถติดต่อมูลนิธิพระดาบสโทรศัพท์ 02-282-7000 หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.phradabos.or.th

Comments (0)

คณะผู้บริหาร “ดิจิทัล ด้านธุรกิจเกษตรฯ” รุ่นที่2 ศึกษาดูงาน ธ.ก.ส.

Posted on 04 มีนาคม 2021 by admin

        นายธนารัตน์ งามวลัยรัตน์  รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้การต้อนรับคณะผู้บริหารที่เข้าร่วมอบรมหลักสูตร ผู้นำการส่งเสริมดิจิทัลด้านธุรกิจเกษตร  (CDA) รุ่นที่2  อาทิ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล นายนราพัฒน์ แก้วทอง  ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร นายสมัย ลี้สกุล เป็นต้น เพื่อศึกษาดูงาน  พร้อมรับฟังบรรยายพิเศษเรื่อง ธ.ก.ส. กับการส่งเสริมเกษตรกรฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจโควิด19 และกรณีศึกษา smart famers โครงการ New Gen Hug บ้านเกิด พร้อมแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อที่จะนำมาประยุกต์ใช้ในองค์กรตัวเอง ซึ่งคณะผู้บริหารต่างให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ณ  ธ.ก.ส. สำนักงานใหญ่ บางเขน เมื่อเร็วๆนี้

Comments (0)

SIBA แนะเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ เรียนได้เงิน จบได้งาน เปิดโผ 8 อาชีพมาแรง สู่ความมั่นคงในอาชีพ ในยุคดิจิทัล หลังโควิด-19

Posted on 03 มีนาคม 2021 by admin

            ใครๆก็อยากมีอนาคตที่มั่นคง… มีอาชีพ มีงานทำ มีรายได้ดำรงชีวิตในสังคมได้อย่างเป็นสุข แต่ด้วยวิกฤตของสังคมโควิด-19 มีหลากหลายปัญหา ส่งผลให้คนตกงานและอื่นๆอีกมากมาย แต่เมื่อหันกลับมามองเรื่องของมิติการศึกษาแล้ว เส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ที่ SIBA นั้นถือว่าเป็นโอกาสสำคัญยิ่ง เพราะระหว่างเรียนได้เงิน จบแล้วมีงานทำ SIBA ได้สัมมนาครั้งสำคัญในหัวข้อ ”การแนะแนวเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ในยุคดิจิตอลหลังโควิด-19”  โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิระดับแนวหน้าของเมืองไทย ร่วมชี้แนวทางการศึกษาอย่างไรไม่ตกงาน ทำงานได้ ใช้ชีวิตเป็น พร้อมเปิดโผ 8 อาชีพมาแรง สู่ความมั่นคงในอาชีพในยุคดิจิทัลหลังโควิด-19

SIBA หรือวิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ในฐานะสถาบันการศึกษาสายอาชีพระดับแถวหน้าของประเทศ จัดงานสัมมนาในหัวข้อ “การแนะแนวเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ในยุคดิจิตอลหลังโควิด-19” มีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิชั้นนำของเมืองไทย ร่วมงานในครั้งนี้…

            นายณรงค์ แผ้วพลสง ที่ปรึกษา สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา เปิดเผยว่า “หากมองในเส้นทางการศึกษาสายอาชีพ ยังมีความสนใจในด้านนี้น้อย ซึ่งเกิดจากองค์ประกอบ หรือสาเหตุหลายประการ อาทิ ผู้ปกครองหรือนักเรียน นักศึกษาอาจจะมุ่งไปในเรื่องการเรียนในมหาวิทยาลัยเลยมองข้ามในเรื่องของสายอาชีพไป แต่ปัจจุบันวันที่โลกได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ผู้ปกครอง และเด็กได้สนใจการศึกษาสายอาชีพกันมากขึ้น เพราะอย่างน้อยการมีความรู้ทางด้านอาชีพผู้เรียนสามารถนำความรู้ไประกอบอาชีพได้จริง”  ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เกิดวิกฤตของสังคมหลายเรื่อง ทำให้เราเห็นภาวะของคนตกงาน คนเจ็บป่วย ทั้งแง่บวกและแง่ลบ แต่เมื่อหันกลับมามองเรื่องของมิติการศึกษาแล้วในด้านอาชีพนั้น ถือว่ามีความสำคัญต่อสังคม ประเทศชาติเป็นอย่างมาก จะเห็นภาพที่เกิดขึ้นว่ามีลูกหลานเราหลายคนที่จบการศึกษา แต่ก็ยังหางานทำไม่ได้ ขณะที่ลูกหลานเราที่มีงานทำอยู่แล้วก็กลายเป็นคนตกงาน แต่มีกลุ่มงานหนึ่งที่มีระดับทักษะฝีมือนั้นยังคงมีงานทำ แม้ว่าจะเจอวิกฤตอย่างไร ทั้งนี้การพัฒนาประเทศสู่ความเป็นสากล จำเป็นต้องอาศัยกำลังแรงงานในระดับทักษะฝีมือ หรือที่เรียกกันสั้นๆ ว่า ”สายอาชีพ”  ซึ่งยังขาดแรงงานประเภทนี้อยู่มาก

ด้าน นายมณฑล  ภาคสุวรรณ์ รองเลขาธิการ คณะกรรมการการอาชีวศึกษา กล่าวว่า เด็กในทศวรรษที่ 21 ต้องสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้ เพราะว่าคนที่อยู่รอดไม่ใช่คนฉลาดหรือคนเก่งแต่เป็นคนที่ปรับตัวได้  เป้าหมายของการศึกษาตามยุทธศาสตร์ของประเทศต้องการให้เด็กได้รับการศึกษาที่มีมาตรฐานสากลและถ้าเป็นอาชีวะก็จบมามีงานทำ 100 %  ในเบื้องต้นสำหรับสถานศึกษาจะต้องปรับตัวแล้วก็วางรากฐานที่มั่นคงให้กับเด็กของเรา ขณะที่การเปลี่ยนแปลงความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัล หรือปัญหาของการะบาดโควิด-19 เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สิ่งที่เราต้องทำคือ การปรับตัวการนำเทคโนโลยีดิจิทัล หรือระบบ Online มาใช้ในการเรียนการสอน ไม่ว่าเป็น Online, On air, On Demand ต้องใช้ทุกรูปแบบเข้ามาในการบริหารจัดการ ซึ่งจะมี Platform หลาย ๆ อย่าง เช่น Microsoft หรือ Zoom เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือในการสอน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนการสอน เป็นต้น

ส่วนทางด้านนายโอม ศิวะดิตถ์ ผู้บริหาร บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยว่า การทำ Digital Transformation ถ้าก่อนเกิดเหตุการณ์โควิด-19 สิ่งที่เรามองมันคือ การวางแผนระยะยาว แต่หลังจากเราเจอ โควิด-19 คำว่า Digital Transformation ที่เคยวางแผนกันเป็นปี ต้องปรับเปลี่ยนแผนให้ เกิดขึ้นภายในระยะเวลาแค่ 1-2 เดือน ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้พฤติกรรมของคนไทยเปลี่ยนไป โดยทางไมโครซอฟท์ มองการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้แบ่งออกเป็น 4 ระดับ ประกอบด้วยระดับที่ 1 เรียกว่า Digital literacy คือ ระดับพื้นฐานในการใช้ชีวิตในสังคมเริ่มไปสู่การเป็นดิจิทัล ระดับที่ 2 เรียกว่า Foundation เป็นระดับที่สูงขึ้นเพื่อเตรียมที่จะใช้งานได้คนที่เป็น Digital marketer ระดับที่ 3 เรียกว่า Job role เช่น Financial analyst  ต้องใช้เครื่องมือเป็น  แต่พอไปอยู่ในงานนั้นจริงๆ ก็จะมี Soft skills ทักษะของการทำงาน ในสายงานนั้น Project manager, IT , Software developer, IT Admin ระดับ 4 เป็นระดับที่สูงสุดที่เรียกว่า Job ดิจิทัลเข้ามามีความสำคัญกับทุก ๆ คน โดยต้องใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวจัดการหมด ถ้าคุณเป็น Digital marketer จะวิเคราะห์พื้นๆ ไม่ได้แล้ว เอา Excel มาดูข้อมูลหรือมาทำ Dashboard ก็ไม่พอ จะต้องไปทำในเรื่องของ Machinery ขณะที่คุณอยากจะไปเป็น Software development  ต้องทำโปรเจคที่เป็น AI ที่เป็นทักษะใหม่ ต้องเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้น

และ ดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี  ผู้อำนวยการ SIBA  กล่าวว่า จากการสำรวจอาชีพในอนาคตอีก 5 ปี ข้างหน้ามีอาชีพเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน และเป็นอาชีพยอดนิยมหลังจากการแพร่ระบาดของโควิดซึ่ง 8 อาชีพมาแรงคือ 1.“Online Marketing นักการตลาดออนไลน์” ปัจจุบันเราใช้โทรศัพท์มือถือเช็คข้อมูลข่าวสารกันแทบทุกวินาที จะเห็นว่ามีโฆษณาที่ pop up ขึ้นมาตลอด นั้นคือ หน้าที่ของนักการตลาดออนไลน์เป็นผู้ออกแบบและผลิตโฆษณาเหล่านี้   2. “Application Creator นักพัฒนาแอพพลิเคชั่น”  เนื่องจากผู้คนในยุคข้อมูลข่าวสารต้องการเสพข้อมูลที่ดูง่าย เป็นระเบียบ สบายตา ช่วยอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ 3. “Social Admin ผู้ดูแลโซเชียลมีเดีย”   ไว้เป็นสื่อกลางระหว่างผู้บริโภคกับหน่วยงานหรือเจ้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการและคอยดูแลให้พื้นที่โซเชียลมีเดียให้อยู่ในความเรียบร้อยและเหมาะสมกับผู้บริโภค  4. “นักกูรูออนไลน์ หรือ Youtuber” ผู้ที่คอยแยกย่อย จัดระเบียบข้อมูล ให้คำวิเคราะห์ ให้คำแนะนำ ชี้ทางให้กับมือใหม่ ในเรื่องต่างๆ 5. “ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ หรือ Programmer”  เป็นอาชีพที่คอยสนับสนุนทุกอาชีพที่เกี่ยวข้องกับระบบออนไลน์ ทุกรูปแบบบริษัทใหญ่ๆ ที่มีการบริหารข้อมูลในลักษณะของ Big Data ที่ต้องใช้การวิเคราะห์ความเป็นไปของกิจการ 6. “เจ้าของธุรกิจ Start Up” วัยรุ่นหลายคนมีฝันอยากประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เป็นอายุน้อยร้อยล้าน ต่างก็ตบเท้าเข้ามาลองเชิงทำธุรกิจ Start Up ใครมีไอเดียดี ๆ อย่าเก็บเอาไว้ ลองเอามันออกมาสร้างฝันให้เป็นจริงได้ 7. “นักบัญชีที่เชี่ยวชาญเรื่องภาษีอากร” มีหน้าที่ให้คำปรึกษากับองค์กรด้านบัญชีและด้านภาษีอากรต่างๆ ลดความเสี่ยงทางภาษี   8.“เชฟ” อาชีพนี้มีรายได้สูง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านอาหารออนไลน์ไม่ต้องมีหน้าร้านร่วมกับ applications อย่าง Food Panda /Lineman / Grab เป็นธุรกิจที่ทำเงินในขณะนี้

พร้อมกันนี้  “ก็ขอฝากถึงทุกๆ คนให้เห็นความสำคัญในการเรียนหลักสูตรที่มีทักษะเฉพาะทางที่เรียนเกี่ยวกับสายอาชีพซึ่งมีหลากหลายประเภททั้ง ด้านเทคโนโลยี ด้านบัญชี ด้านการตลาด ด้านอาหารส่วนใหญ่จะสอดคล้องกับอาชีพที่เป็นที่ต้องการของภาคธุรกิจและตลาดแรงงาน  ผู้เรียนจะได้รับความรู้ ได้ ประสบการณ์ ได้รายได้ระหว่างเรียน ได้ทักษะวิชาชีพติดตัว ได้เลือกเรียนอย่างหลากหลาย ได้มีโอกาสเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาได้รับการสนับสนุนทั้งภาครัฐภาคเอกชน และได้ทำอะไรตอบแทนสังคม”

            “SIBA”  ต้องการยกระดับอาชีวะให้สูงขึ้น พร้อมสร้างความอยากเรียนรู้ให้กับนักเรียนอาชีวะมาจากข้างในของตนเอง  โดยมีหลักสูตรอยู่ในอาชีพนี่คือความได้เปรียบของการเรียนสายอาชีพที่สามารถตอบโจทย์ทุกอาชีพในอนาคต นักเรียนของ SIBA มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ และที่สำคัญสามารถกู้เงินเรียนได้ หรือจะขอทุนเรียนฟรีก็ได้ สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ SIBA ได้เปิดรับสมัครนักเรียนทั้ง ม.3, ม.6 และปวช. แล้วตั้งแต่วันนี้จนถึงเมษายน 2564 มีหลักสูตรวิชาชีพที่ทันสมัยให้เลือกหลากหลาย ทั้งระดับชั้น ปวช. (3 ปี) และ ระดับ ปวส. (2 ปี) สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.siba.ac.th หรือโทร.02-9393000

Comments (0)

เชิญร่วมงาน Open House หลักสูตรเตรียมปริญญาตรีไฮบริดนิวซีแลนด์ ฟรี! อาทิตย์ 7 มีนาคมนี้ 10.00-12.00 น. ณ ศูนย์การเรียนรู้ไทย – นิวซีแลนด์ (TNZC)

Posted on 02 มีนาคม 2021 by admin

หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย ขอเชิญน้องๆ มัธยมปลายและผู้ปกครอง ร่วมงาน Open House หลักสูตรเตรียมปริญญาตรีไฮบริดนิวซีแลนด์ ระหว่างมหาวิทยาลัยโอทาโกของนิวซีแลนด์ กับ RMUTT (มทร.ธัญญบุรีของไทย)  เรียนปรับพื้นฐานด้านธุรกิจ (Business Foundation Studies Programme)เพียง 8 เดือน เรียนได้เลยไม่ต้องรอ จบแล้วต่อปริญญาตรีนิวซีแลนด์จบใน 3 ปี และสามารถต่อวีซ่าทำงานได้อีก 3 ปีเต็ม

ผู้สนใจสามารถร่วมพูดคุย สำรวจสถานที่เรียนจริงของศูนย์การเรียนรู้ไทย – นิวซีแลนด์  และพบกับอาจารย์ผู้สอนหลักสูตรแบบตัวต่อตัว สัมภาษณ์เพื่อสมัครตรงกับมหาวิทยาลัยโอทาโก ทดลองเรียนในห้องเรียนจำลอง พร้อมขอคำปรึกษาข้อมูลทุนการศึกษากับมหาวิทยาลัยโอทาโกภายในงานนี้เท่านั้น ในงาน Open House ในวันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคมนี้ เวลา 10.00 – 12.00 น.  ณ ศูนย์การเรียนรู้ไทย – นิวซีแลนด์ (TNZC) อาคาร DD Mall ชั้น 7  (โดยไม่มีค่าใช้จ่าย)

          ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://line.me/ti/p/%40nzenglish

Comments (0)

“ชลิต อินดัสทรีฯ” จัดกิจกรรมทำบุญเสริมสิริมงคลบริษัทประจำปี 2564

Posted on 23 กุมภาพันธ์ 2021 by admin

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยางรถยนต์รายใหญ่ของไทย ร่วมด้วย นางสุชญา-นางสาววิมลลักษณ์ ยงเห็นเจริญ นำทีมคณะผู้บริหาร พร้อมด้วยพนักงาน จัดกิจกรรมส่งเสริมพุทธศาสนา ร่วมใจทำบุญบริษัทประจำปี 2564 ถวายภัตตาหารเพล และเครื่องจตุปัจจัยไทยทาน แด่พระภิกษุสงฆ์จำนวน 9 รูป โดยได้อาราธนานิมนต์  พระราชพรหมาภรณ์ (ประวิทย์ สีหนาโท ป.ธ.๗) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวา พระอารามหลวง และที่ปรึกษาเจ้าคณะเขตยานนาวา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มาเจริญพระพุทธมนต์ ประกอบพิธีทางศาสนา แสดงสัมโมทนียกถา โอวาทธรรม และฉันภัตตาหารเพล  ทั้งนี้เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคล ให้บริษัทได้เจริญรุ่งเรือง และเป็นขวัญกำลังใจให้แก่ผู้บริหาร –พนักงานในองค์กร ให้มีกำลังใจ สามารถปฏิบัติหน้าที่ให้บรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งไว้ และเพื่อให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอีกทางหนึ่ง รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์อันดีภายในองค์กรนับเป็นวันสำคัญที่บริษัทฯ ซึ่งจัดเป็นประจำทุกปี ณ โรงงานบริษัทชลิต อินดัสทรีฯ บางแค กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยางคุณภาพสูง ภายใต้แบรนด์ “POP” ด้วยการรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO9001) และได้รับใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวจนได้รับการยอมรับและความไว้วางใจอย่างกว้างขวางจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ  ปัจจุบันมีศูนย์จำหน่ายผลิตภัณฑ์กระจายอยู่ในหลายภูมิภาคต่างๆ
ทั่วโลก ทั้งในเอเชียตะวันออก แอฟริกา ประเทศในตะวันออกกลาง ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ และ ยุโรปตะวันออก

Comments (0)

ชลิต อินดัสทรีฯ เปิดตัวสินค้า “ยางแท่นเกียร์”

Posted on 10 กุมภาพันธ์ 2021 by admin

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ  กรรมการผู้จัดการ นางสาววิมลลักษณ์ ยงเห็นเจริญ กรรมการและผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด นางสาวชัญญา ยงเห็นเจริญ และนางมนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์  “POP” มากว่า 30 ปี ร่วมเปิดตัวสินค้า “ยางแท่นเกียร์” สำหรับใช้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่ขับเคลื่อนล้อหน้า ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์สู่ตัวถัง มีความแข็งแรงในการรับน้ำหนักเครื่องยนต์ฯ และมีความยืดหยุ่นช่วยยืดอายุการใช้งานฯ ด้วยมาตรฐานระดับโลกมาตรฐานที่กำหนดได้เป็นอย่างดี ณ บริษัท ชลิต อินดัสทรีฯ เมื่อเร็วๆ นี้

Comments (0)

“ดีป้า” สานต่อภารกิจสร้าง “ซีอีโอยุคใหม่” ผ่านหลักสูตรดิจิทัล ซีอีโอ รุ่นที่ 4 มุ่งส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมดิจิทัล รับฐานวิถีชีวิตใหม่อย่างมั่นคง

Posted on 03 กุมภาพันธ์ 2021 by admin

AW_CDA_2 Poster_Print_Update

          21 มกราคม 2564, อาคารดีป้า ลาดพร้าวสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล สานต่อหลักสูตรผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (Digital CEO) รุ่นที่ 4 พร้อมปรับเนื้อหาหลักสูตรเข้มข้น พุ่งเป้าสู่การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในองค์กร ทั้งภาครัฐและเอกชน รองรับยุคนิวนอร์มอล หลังผ่านวิกฤตโควิด-19

          ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดเผยว่า ตามที่ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) มอบหมายให้ ดีป้า ดำเนินการผลักดันให้ทุกภาคส่วนเกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล รองรับยุคฐานวิถีชีวิตใหม่ (นิวนอร์มอล) ภายหลังวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น ดีป้า พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญในการช่วยเปลี่ยนผ่านประเทศด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลไปใช้ในทุกมิติ เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลอย่างมั่นคงและยั่งยืน

โดย ดีป้า ได้สานต่อหลักสูตรอบรมผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ Digital CEO ที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งได้รับความสนใจและมีผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำ ทั้งภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมอบรมรวม 230 คน โดยหลักสูตรดิจิทัล ซีอีโอ รุ่นที่ 4 ดีป้า ได้ปรับเนื้อหาหลักสูตรให้มีความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยหวังให้เกิดการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในองค์กรภาครัฐและเอกชน เพื่อรองรับยุคนิวนอร์มอล หลังผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19

ทั้งนี้ การอบรมจะมุ่งเน้นการส่งเสริมทักษะและองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลในทุกมิติ ตลอดจนสามารถนำไปปรับใช้ในการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างมีประสิทธิผล และเกิดการบูรณาการความร่วมมือของผู้นำองค์กรแนวหน้า ที่เป็นประโยชน์ต่อองค์กรและประเทศชาติ รวมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บริหารเพื่อเป็นเครือข่ายในการพัฒนาอนาคตของประเทศชาติ รวมถึงการสร้างเครือข่ายและการถอดแบบเรียนรู้ในประเทศกว่า 10 องค์กรและต่างประเทศในงาน World Expo ณ นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งผู้บริหารที่ผ่านการอบรมจะได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ก่อนนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์-1_resize

ทัศนะจากผู้สำเร็จการอบรมหลักสูตรดิจิทัล ซีอีโอ รุ่นที่ 3 อาทิ นายสมคิด จันทมฤก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า “การอบรมหลักสูตร Digital CEO 3 ทำให้ผมได้รับความรู้ มุมมองใหม่ๆ และประสบการณ์ที่หลากหลาย เกี่ยวกับเทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีมาใช้ในการทำงาน และชีวิตประจำวัน จากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิจากการดูงานในหน่วยงาน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ของผู้เข้ารับการอบรมด้วยกันเอง  ซึ่งทำให้ผมได้เรียนรู้วิธีคิดที่ดีในการนำเทคโนโลยีมาใช้กับการปรับปรุงทำงานในหน่วยงานของรัฐได้เป็นอย่างดี”

สำหรับ นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน หนึ่งในผู้ร่วมการอบรม กล่าวว่า “ผู้บริหารท้องถิ่น มาจากการเลือกตั้ง เมื่อประชาชนต้องการความสะดวก ความรวดเร็ว ความทันสมัยในการบริการ มักติดอยู่ในกรอบของระบบราชการ ระเบียบแบบแผนที่ล้าสมัย หลังจากที่ได้มารับการอบรม หลักสูตร Digital CEO 3 ความสามารถในการกล้าคิดและทำออกนอกกรอบ ด้วยความรู้จากวิทยากร การแบ่งปันประสบการณ์จากการศึกษาดูงาน ผู้เข้าร่วมรับการอบรมทั้งจากภาครัฐและเอกชนเป็นภาคีเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็งมาก” ส่วน นพ.ณรงค์ ธาดาเดช อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลอุดรธานี เปิดใจว่า “ได้รับความรู้และมุมมอง ทิศทางการปรับตัวขององค์การต่างในการนำระบบดิจิทัลมาใช้เพื่อผู้มารับบริการสามารถเข้าถึงได้ทุกเวลา ทุกสถานที่และผู้ให้บริการก็จะสะดวกลดความซ้ำซ้อน เป็นความจำเป็นของหน่วยงานโดยเฉพาะผู้บริหารที่จะต้องมาเรียนรู้รองรับการเปลี่ยนแปลงของยุคดิจิตอลเป็นหลักสูตรที่ต้องมาเรียน”  สำหรับภาคเอกชน เช่น สพ.ญ.กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า “ประโยชน์จาก Digital CEO ช่วยขยายวิสัยทัศน์ และ update สถานการณ์ ไม่เฉพาะด้าน digital แต่ได้เรียนรู้การบริหารงานสมัยใหม่สามารถเอามาปรับใช้ได้จริงที่สำคัญเพื่อนดีมากค่ะ” และ นายไพฑูรย์ จิรานันตรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสซีจี โลจิสติกส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า “ได้ความรู้จากวิทยากรที่มีความรู้ หลากหลาย โดยเฉพาะเรื่อง Digital Technology & Digital Transformation ทั้งยังได้เข้าเยี่ยมชมในหน่วยงานต่างๆที่เวลาปกติไม่สามารถเข้าไปดูได้ นอกจากนี้ที่สำคัญที่สุดคือได้ connection ได้รู้จักพี่ๆเพื่อนๆน้องๆเพื่อจะได้ติดต่อกันทั้งเรื่องส่วนตัวและธุรกิจในอนาคตด้วย” ส่วน ดร.นพ.ตุลวรรธน์ พัชราภา ผู้อำนวยการปฏิบัติการ โรงพยาบาลเวชธานี เผยว่า “ผู้นำยุคดิจิทัล ไม่ได้หมายถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิตอล หากแต่คือผู้ที่สามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างคุณค่าให้กับองค์กรและประเทศชาติได้อย่างคุ้มค่า การเรียนในหลักสูตรดิจิทัลซีอีโอจะทำให้ผู้เรียนเข้าใจเทคโนโลยีดิจิทัลในระดับที่สามารถนำไปวางกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยีได้ และได้เรียนรู้จากตัวอย่างกรณีศึกษาจริงจากประสบการณ์จริงของวิทยากร รวมถึงการสร้างเครือข่ายกับผู้นำยุคดิจิทัลจากหลากหลายองค์กรด้วย”

Speaker-CEO4_resize-1

          สำหรับการอบรมหลักสูตรดิจิทัล ซีอีโอ รุ่นที่ 4 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 23 เมษายน – 12 พฤจิกายน 2564 ซึ่งผู้บริหารองค์กรที่สนใจสามารถดาวน์โหลดใบสมัครและติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง https://www.depa.or.th/th/digitalceo โทร 0-2026-2333 ต่อ 4102, 4106, โทร 095-469-9441 หรือ อีเมล DEA@depa.or.th

#depa #DigitalCEO #DCEO #DCEO4 #DigitalThailand

Comments (0)

SIBA เปิดกลยุทธ์เน้นการศึกษาแนวใหม่ REAL LIFE EDUCATION รับเทรนด์ใหม่เรียนสายอาชีพมาแรง ตอบโจทย์ทุกอาชีพในอนาคต มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ กู้เงินเรียนได้ มีทุนเรียนฟรี!

Posted on 30 มกราคม 2021 by admin

          SIBA สถาบันการศึกษาสายอาชีพพร้อมรับยุคดิจิทัลด้วยหลักสูตรที่ทันสมัย ครบทุกด้านของการบริหารธุรกิจ เปิดสอนหลายสาขาให้เลือกเรียน เน้นการเรียนการสอนคุณภาพ ปฏิบัติจริง ตอบโจทย์ทุกอาชีพในอนาคต เส้นทางลัดสู่ความเป็นเจ้าของธุรกิจ เผยกลยุทธ์การศึกษาแนวใหม่ Real Life Education for Future Citizens รับกระแสการเรียนสายอาชีพเทรนด์ใหม่มาแรงของเด็กยุคใหม่ ตอกย้ำจุดเด่นที่มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ กู้เงินเรียน มีทุนเรียนฟรี พร้อมเพิ่มโอกาสด้านการศึกษาให้เด็กต่างจังหวัดได้เท่าเทียมกัน

          ดร.เบญจมาภรณ์ คุณะรังษี ผู้อำนวยการ SIBA (วิทยาลัยอาชีวศึกษาสันติราษฎร์ ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี) เปิดเผยว่า การเรียนสายอาชีพนับเป็นเทรนด์ใหม่มาแรงของเด็กยุคใหม่ เพราะการศึกษาสายอาชีพเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ได้จริง สามารถตอบโจทย์อาชีพในสิ่งที่ทุกคนมีความถนัดและอยากเป็น และเลี้ยงชีพได้จริง ในอดีตคนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่า ทุกคนที่เลือกสายอาชีพเป็นเด็กที่เรียนอ่อนในเรื่องของวิชาการและไม่สามารถต่อถึงระดับปริญญาตรีได้ แต่ในปัจจุบันการเรียนสายอาชีพทำให้ทุกคนเก่งทั้งด้านวิชาการ ด้านทักษะ และมีคุณภาพที่พร้อมศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัย หรือพัฒนาตนเองเพื่อเข้าสู่ตลาดแรงงานได้เช่นกัน โดยสายอาชีพเป็นการเรียนการสอนทั้งภาคทฤษฎีและการลงมือปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน ไม่คร่ำเคร่งเฉพาะกับการเรียนภาคทฤษฎีหรือการท่องจำ  ทำให้มีความแปลกใหม่ที่ได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลา –ในแต่ละบทเรียนนักเรียนจะใช้เวลาสั้นๆ ในห้องเรียน แต่จะได้เรียนรู้อย่างสนุกสนาน ท้าทายกับการเรียนรู้และสัมผัสในห้องปฏิบัติการจริง  ซึ่งตรงกับอุปนิสัย และความพึงพอใจของเด็กรุ่นใหม่ในยุคนี้  อาทิ

         – เส้นทางอาชีวะเป็นเส้นทางลัดสู่ความเป็นเจ้าของธุรกิจ หรือ Start -up

         – มีอาชีพหลากหลาย ให้ได้เลือกเรียน ทำให้มีโอกาสทดสอบ ค้นหาความชอบและความถนัดของตนเอง

         – การเรียนสายอาชีพไม่ใช่การเรียนแค่ทฤษฎี แต่ได้เข้าห้องปฏิบัติการต่างๆด้วยตนเอง

         – การฝึกงานในสถานประกอบการจริง จำนวน 300 ชั่วโมง (ภาคบังคับของสายอาชีวะ) โดยที่นักศึกษาจะได้รับค่าตอบแทนเป็นรายได้พิเศษจากการฝึกงาน

         – การได้ทำงานระหว่างเรียนยังทำให้ผู้เรียนได้รู้ว่าวิชาชีพที่เรียนเป็นสิ่งที่เหมาะกับตนเองหรือไม่

         – ผู้เรียนจบสายอาชีวะทั้งระดับปวช. (3 ปี) และปวส. (2 ปี) มีงานทำและรายได้ดีเพราะมีความต้องการบุคลากรอีกเป็นจำนวนมากจากสถานประกอบการ โดยเฉพาะสถานการณ์ยุคโควิดที่มีผลให้หลายธุรกิจปิดตัวลง งานหายากขึ้น

         – ถ้าจบระดับ ปวส. จะสามารถศึกษาต่อระดับปริญญาตรีได้โดยใช้เวลาแค่ 2 ปี หรือจะไปศึกษาต่อได้ถึงระดับปริญญาเอกได้เช่นเดียวกับสายสามัญ

SIBA ตอบโจทย์อาชีพคนรุ่นใหม่ ด้วยกลยุทธ์ Real Life Education for Future Citizens

SIBA เป็นสถาบันการศึกษาระดับอาชีวศึกษาในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ที่ก่อตั้งมาเกือบ 60 ปี เปิดการเรียนการสอนระดับอาชีวศึกษาที่แตกต่างจากที่อื่นด้วยทุกหลักสูตรมีความยืดหยุ่นและทันสมัยทันต่อโลกในยุคดิจิทัล ปัจจุบันมีห้องเรียนอัจฉริยะ (Intelligence Study Room) เน้นสมรรถนะ Re skill, Up skill และ New skill ที่ตอบโจทย์ความต้องการของเด็กรุ่นใหม่ได้อย่างตรงจุด เนื่องจากได้เปิดสอนสายอาชีพ ซึ่งมีความได้เปรียบจากเรียนสายสามัญ มีทั้งหลักสูตรระดับปวช. และ ปวส. ทั้งภาคภาษาไทยและภาคอินเตอร์

เพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ในปีการศึกษา 2564 นี้ SIBA ได้ปรับยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนการสอนให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่มากที่สุด ด้วยแนวคิด Real Life Education for Future Citizens สร้างหลักสูตรชีวิตให้กับทุก ๆ จินตนาการ เพื่อการเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตจริง ทำให้นักศึกษาได้สัมผัสและทำความเข้าใจกับหลากหลายสาขาอาชีพ ตามความชอบ ความพึงพอใจ และความถนัด จนทำให้ผู้เรียนสามารถค้นพบความต้องการในอาชีพ และอนาคตของตนเองอย่างแท้จริง โดย SIBA ได้ปรับวิธีการสอนหลักสูตรแนวใหม่ ที่เรียกว่า SIBA MODEL เป็นการเรียนแบบผสมผสานระหว่าง การจัดการเรียนการสอน Online และ Block Course มาใช้เพื่อเพิ่มพื้นที่การเรียนรู้เชิงทักษะ (Active Learning Space)  ให้กับผู้เรียน เปลี่ยนแปลงวิธีการสอน และสร้างเสริมทักษะให้กับนักศึกษาสามารถมีอิสระในการเลือกเรียนได้มากกว่า 1 สาขาวิชา หรือ สหวิชาการ ซึ่ง SIBA เป็นวิทยาลัยอาชีวศึกษาแห่งแรกที่นำเสนอโมเดลนี้เพื่อตอบโจทย์อาชีพของคนรุ่นใหม่

“SIBA จะเปิดโอกาสให้น้องๆที่เรียนจบ ม.3 ที่เลือกเรียนต่อสายอาชีพกับ SIBA สามารถออกแบบการเรียนที่ตนเองชอบ เพื่อกำหนดอาชีพที่ใช่ในอนาคตได้ด้วยตนเองตั้งแต่ระดับปวช.ด้วยหลักสูตรการเรียนแบบสหวิชาการสายอาชีพ และเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้ว สามารถประกอบอาชีพได้หลากหลายและกำลังเป็นที่ต้องการของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น นักการตลาดออนไลน์, นักเขียน Application, เจ้าของธุรกิจ Start Up, นักตรวจสอบบัญชี, นักการตลาด, นักออกแบบ Digital Media, นักเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล, ผู้ดูแลเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์, Microsoft Office Specialist ( MOS) เชฟหรือฟู๊ดสไลต์ลิส, กูรูออนไลน์, ยูทูปเบอร์ และ แคสเตอร์ เป็นต้น” ดร.เบญจมาภรณ์ กล่าว

นอกจากนี้ นักศึกษายังจะมีรายได้ระหว่างเรียน นับเป็นจุดเด่นของ SIBA เนื่องจากมีสำนักกิจการพิเศษเพื่อการศึกษา (Recruitment Centre) ภายในวิทยาลัย มีหน้าที่ในการดูแลนักเรียนนักศึกษา ในด้านการฝึกงานอย่างใกล้ชิด และจัดหาสถานประกอบการที่เหมาะสม เตรียมความพร้อมให้นักศึกษาทั้งด้านทักษะและบุคลิกภาพ ไปจนถึงการวัดและประเมินผลการฝึกงาน  สำนักงานฯยังมีหน้าที่รับจัดหางานให้กับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการทำงาน ทั้ง part time และ full time กับสถานประกอบการที่ประสงค์จะให้ SIBA สนับสนุนด้านบุคลากรทุกรูปแบบ อีกทั้ง SIBA ยังมีทุนการศึกษาให้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 เป็นประจำทุกปี พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนด้านกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) อีกด้วย

          สำหรับปีการศึกษา 2564 นี้ SIBA ได้เปิดรับสมัครนักเรียนทั้ง .3, ม. 6  และปวช. แล้วตั้งแต่วันนี้ จนถึง เมษายน 2564 มีหลักสูตรวิชาชีพที่ทันสมัยให้เลือกหลากหลาย ทั้งระดับชั้น ปวช.(3ปี) อาทิ  คอมพิวเตอร์กราฟิก คอมพิวเตอร์ธุรกิจ การบัญชี การบริหารธุรกิจโรงแรม ภาษาต่างประเทศธุรกิจบริการ อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และ ระดับ ปวส. (2 ปี) อาทิ ดิจิทัลกราฟิก เทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล การตลาด การบัญชี ภาษาต่างประเทศ การโรงแรมและบริการ การจัดการธุรกิจท่องเที่ยว เป็นต้น สามารถดูรายละเอียดได้ที่ www.siba.ac.th หรือ โทร. 02 939 3000

Comments (0)

เรื่องล่าสุด