Categorized | ข่าว

แจ้งกำหนดการสวดอภิธรรมศพ คุณแม่ เพ็ญประภา ตั้งคารวคุณ

Posted on 13 พฤษภาคม 2021 by admin

กำหนดการสวดอภิธรรมศพ คุณแม่ เพ็ญประภา ตั้งคารวคุณ มารดา วรรณศิริ ตั้งคารวคุณ ณ วัด สระเกศราชวรมหาวิหาร  ศาลา บำเพ็ญกุศล

– วันที่ 13-15 พค. 2564  เวลา 16.00 น.

– วันที่ 16 พค. 2564 บรรจุ ณ สุสานเจ็งเล้ง อ. บางพระ จังหวัด ชลบุรี

คุณแม่เพ็ญประภาเป็นบุคคลที่เรียกได้ว่าเป็น “ผู้หญิงคนเก่ง หัวใจนักสู้” โดยแท้ คุณแม่เป็นผู้ที่มีจิตใจงดงาม ให้ความช่วยเหลือกับทุกคนด้วยความรัก ความเมตตา ประกอบกับท่านเป็นผู้หญิงที่เก่ง แกร่ง มีความเข้มแข็ง เสียสละ อดทน ฉลาดในการดำเนินชีวิตและทันสมัยเสมอ ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักในฐานะนักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จคนหนึ่งของไทยและเป็นที่รักของทุกคนที่ได้รู้จักท่าน

ตลอดเวลาที่คุณแม่ยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่เป็นคนรักครอบครัวมากและพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว  คุณแม่ได้ทำหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับน้อง ๆ ทั้ง 5 คน รวมทั้งรับผิดชอบธุรกิจการค้าของครอบครัวตั้งแต่อายุได้เพียง 15 ปีเนื่องจากบิดามารดาเสียชีวิตเพราะถูกฆาตกรรม คุณแม่เล่าให้ฟังว่า วันที่ทราบข่าวร้ายนั้น คุณแม่ได้แต่ตะลึง คิดว่าวันนี้ไม่มีพ่อแม่แล้วเหรอ เมื่อตั้งสติได้ก็เริ่มเรียบเรียงว่าจะจัดการชีวิตตัวเองและน้อง ๆ อีก 5 คนอย่างไร แต่ด้วยหัวใจอันแกร่งและความมุ่งมั่นของคุณแม่ คุณแม่สามารถสานต่องานธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว เริ่มต้นด้วยการเรียนวิธีใช้ลูกคิดเพื่อทำบัญชี หัดขับรถส่งของและต้องปลอมตัวเพื่อขับรถบรรทุกไปส่งไม้ ขายของหน้าร้านและตรากตรำทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง เพราะนอกจากงานหลักที่ต้องหาเงินเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในครอบครัว คุณแม่ยังต้องใช้เวลาทั้งหมดที่เหลือดูแลน้องๆ เพื่อไม่ให้น้องรู้สึกมีปมด้อยและถูกใครว่าได้ว่าเป็นลูกไม่มีพ่อแม่

หลังจากดำเนินธุรกิจมาระยะหนึ่ง คุณแม่ได้พบรักและแต่งงานกับคุณพ่อประเสริฐ ตั้งคารวคุณ และออกมาช่วยธุรกิจของทางครอบครัวคุณพ่อ ในช่วงแรก คุณแม่ต้องทำงานทั้งสองที่และหาเงินส่งให้น้องๆ ภายหลังจึงได้โอนกิจการของครอบครัวคุณแม่ให้ญาติดำเนินการแทน ในปี พ.ศ. 2514 คุณพ่อตัดสินใจออกจากธุรกิจ “กงสี” ของตระกูลตั้งคารวคุณ มาตั้งบริษัทเล็กๆ ประกอบธุรกิจค้าขาย กลุ่มสินค้า ฮาร์ดแวร์ สร้างแบรนด์ตราปลาเบ็ด จนเป็นที่รู้จักและอยู่ในวงการธุรกิจเคมีภัณฑ์มาจนถึงทุกวันนี้ กิจการในช่วงนั้นดำเนินไปด้วยดี แต่มรสุมชีวิตของคุณแม่ก็ยังไม่หมด หลังจากที่ร่วมกันสร้างกิจการมาได้ประมาณ 1-2 ปี ครอบครัวของเราก็ได้รับข่าวร้ายว่า คุณพ่อได้เริ่มป่วยเป็นโรคมะเร็งทางสมอง จนในปี พ.ศ. 2519 ครอบครัวเราได้สูญเสียผู้นำอันเป็นกำลังสำคัญและเป็นที่รักของทุกคน ทำให้คุณแม่ต้องเปลี่ยนบทบาทตนเองจากผู้ตาม ผู้ดูแล เป็นผู้นำของทั้งครอบครัวและบริษัทฯ ชีวิตของคุณแม่ช่วงนี้ถือว่าลำบากและหนักที่สุดก็ว่าได้ เพราะหลังจากที่คุณพ่อเข้ารับการผ่าตัดแล้ว อาการก็ยังไม่ดีขึ้น คุณแม่จึงตัดสินใจพาไปรักษาแผนโบราณที่หัวหิน ธุรกิจการค้าก็ยังต้องดำเนินต่อไป ช่วงนั้นคุณแม่ต้องขับรถไปหัวหินเช้าเย็นกลับทุกวัน จนวันที่คุณพ่อเสีย คุณแม่ถึงกับคิดที่จะฆ่าตัวตายแต่ด้วยความรักลูก จึงย้อนกลับมาคิดถึงตัวเองที่เป็นเด็กกำพร้า ลูกคนโตอายุเพียง 14 ปีที่เหลือก็ยังเล็กอยู่ จะไม่มีทางให้ลูกเป็นอย่างตัวเองแน่นอน ภายใต้ความเสียใจก็มีเรื่องดีให้กับผู้หญิงนักสู้คนนี้ ลูกน้องที่ทำงานกันมาเข้ามาคุย ให้กำลังใจและพร้อมจะต่อสู้และลุยธุรกิจไปด้วยกันกับนายหญิงคนนี้ น้องสาวคนเล็กของคุณแม่ก็เข้ามาช่วยงานและช่วยดูแลหลาน ทำให้คุณแม่มีกำลังใจและตัดสินใจสานต่อธุรกิจที่ได้ร่วมกันสร้างมากับคุณพ่อ

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่คุณแม่ต้องดำเนินธุรกิจโดยลำพัง ในสมัยนั้นโลกของธุรกิจเป็นโลกของผู้ชาย นักธุรกิจหญิงมีแทบจะนับคนได้ และก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนในประเทศไทยที่อยู่ในวงการธุรกิจฮาร์ดแวร์เช่นนี้ ด้วยบุคลิกที่โดดเด่นมีความแข็งแกร่ง ทำทุกอย่างด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจอย่างแรงกล้าทัศนคติที่ว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จนสำเร็จในที่สุด ไม่ว่าจะขับรถออกไปส่งของ ไปพบพูดคุยกับลูกค้าทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด คุณแม่ให้ความสนิทสนมและเป็นที่รักของทั้งลูกค้าและคู่ค้าไม่ว่าจะเป็นรายเล็ก รายใหญ่ จนในวงการธุรกิจจะไม่มีใครไม่รู้จัก “หยี่ซ้อ” และตั้งสมญานามแม่ว่า “เจ้าแม่ทินเนอร์” ท่านคือผู้บุกเบิกการก่อร่างสร้างตัวและการพัฒนาของอุตสาหกรรมเคมีอย่างแท้จริง

ด้านครอบครัว ด้วยความที่ท่านเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว คุณแม่ก็จะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับลูกทั้ง 6 คน ตั้งแต่อายุได้เพียง 30 ปี คุณแม่เติมเต็มทุกอย่างให้ลูกๆ ไม่เคยทำให้เรารู้สึกว่าขาด ไม่ว่าจะเป็นความรู้สึกทางด้านจิตใจ หรือความเป็นอยู่ โดยเฉพาะด้านการศึกษา คุณแม่ได้วางแผนอนาคตให้ลูกๆได้เรียนโรงเรียนที่ดี และปูทางถึงรุ่นหลาน ด้วยความที่คุณแม่มีความรู้น้อย จึงตั้งใจอยากให้ลูกได้เรียนให้สูงที่สุด ช่วงนั้นคุณแม่ทำงานอย่างหนักจนไม่มีเวลาให้ตัวเอง รู้เพียงตื่นตั้งแต่ตี 5 ดูรายงานว่าวันนี้ส่งของที่ไหน วันนี้ขายดีรึเปล่า การเก็บเงินลูกค้าเป็นอย่างไร วนอยู่อย่างนี้ทุกวัน ในสมองของคุณแม่มีแต่คำว่าต้องหาเงินให้มากที่สุดเพื่อให้ลูกๆทุกคนได้ไปเรียนต่างประเทศ คุณแม่รักครอบครัวมากพร้อมที่จะเสียสละทุกอย่างได้เพื่อครอบครัว โดยเฉพาะกับลูกๆ ซึ่งเป็นดวงใจของท่าน ท่านทุ่มเท ให้ความรัก เลี้ยงเราทุกคนเหมือนเป็นผู้ใหญ่ คอยให้กำลังใจ และคอยสอนด้วยการให้คำอธิบาย ใจเย็น และปล่อยให้ลูกได้เรียนรู้จากชีวิตด้วยตัวเอง ท่านชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นผู้ใหญ่ใจดี ที่คุยสนุกและมักสอดแทรกคำสอนอยู่เสมอ

คำสอนของคุณแม่ที่ได้ยินอยู่บ่อยครั้งคือ ให้ซื่อสัตย์ ยึดมั่นคุณธรรม ในการใช้ชีวิตเราต้องไม่ประมาท ชีวิตคนเราไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ ทุกสิ่งย่อมมีขึ้นมีลง และเมื่อเราผิด ก็ให้เราเรียนรู้จากความผิดให้เป็นครู คุณแม่ยังสอนพวกเราเสมอว่า ต้องรู้จักให้อภัย ต้องให้โอกาสครั้ง 1 2 3 แล้วค่อยมาพิจารณา อย่ารีบตัดสินโทษใคร อย่าเอาเปรียบคนอื่น อย่าเบียดเบียนใคร แต่ในทางกลับกันเราต้องรู้จักการเป็นผู้ให้ ต้องมีความอดทน และคอยดูตัวเองก่อน ก่อนที่เราจะตัดสินคนอื่น และคุณแม่ก็บอกเสมอว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ให้ทำด้วยความจริงจัง ทำด้วยความจริงใจ

นอกจากความเป็นแม่ผู้ยิ่งใหญ่แล้ว ท่านยังได้อุทิศเวลา กำลังกาย กำลังทรัพย์ เอาใจใส่ด้านงานการศาสนาและการสังคมสงเคราะห์มาโดยตลอด ท่านอุปถัมภ์วัดต่างๆทั้งในกรุงเทพและต่างจังวัด โดยบริจาคเงินสร้างพระ อุโบสถ ทอดกฐิน จัดาทุนช่วยนักเรียน โรงเรียน ทัณฑสถานหญิง มาโดยตลอดและท่านได้สั่งลูกหลานดำเนินการต่อเนื่อง เมื่อ พ.ศ. 2547 ท่านได้ทำบุญใหญ่โดยทำการแจกทานให้กับคนยากจน ที่อยู่บริเวณซอยสุขุมวิท 101 จำนวน 1,400 คน เพื่อช่วยให้คนในชุมชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

งานด้านสังคมสงเคราะห์นั้น ในสมัยที่ท่านยังมีสุขภาพแข็งแรง ท่านได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกและดำรงตำแหน่งสำคัญๆในองค์กรต่างๆ อาทิได้รับเลือกจากสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมสตรีสัมพันธ์ในปี พ.ศ. 2543  นายกสโมสร โรตารีกรุงเทพฯ พระราม 3 ในปี พ.ศ. 2545 ท่านได้ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจที่จะทำงานเพื่อสังคมและด้วยความตั้งใจของท่านทำให้ท่านได้รับรางวัลจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน แต่รางวัลที่ทำแม่ภาคภูมิใจมากที่สุดคือ รางวัลแม่ดีเด่นประจำปี พ.ศ. 2543 ประเภทแม่ผู้มีความอดทน ขยัน หมั่นเพียร โดยได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2543

เกิด แก่ เจ็บ ตาย ทุกอย่างล้วนเป็น อนิจัง อนัตตา ย้อนกลับไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว คุณหมอตรวจพบเชื้อมะเร็งในตับของคุณแม่ และแจ้งว่าคุณแม่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน ถึงแม้ว่าลูกๆจะรู้อยู่แก่ใจว่าไม่มีทางเอาชนะโรคนี้ได้ แต่เราทุกคนก็ทำทุกวิถีทาง ไม่ว่ายาอะไรดี หมอที่ไหนเก่ง อะไรที่เราทำได้ เราทำหมดทุกอย่าง เพียงเพื่อซื้อเวลาให้แม่อยู่กับพวกเราไปนานๆ แต่หากต้องถึงเวลาต้องจากกันจริงๆ  ขอเพียงให้แม่หลับให้สบาย

ในวาระสุดท้ายที่คุณแม่ต้องต่อสู้เพื่อรักษาลมหายใจของท่านเอาไว้ ตอนนี้โลกจะไม่มีแม่แล้ว ลูกๆ ทุกคนขอกราบขอบพระคุณคุณแม่จากหัวใจที่อดทนสู้เพื่อพวกเรามา แม่ทำหน้าที่ทุกอย่างได้อย่างสมบูรณ์แล้ว เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นภรรยาที่อยู่เคียงข้างอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับสามี เป็นหยี่แจ้ที่รักและคอยช่วยเหลือน้องเสมอ เป็นแม่นักสู้ที่เสมือนเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกๆ เป็นอาม่าที่น่ารักและใจดีที่สุดของหลานๆเป็นหยี่ซ้อ คนเก่งที่ของคนในวงการธุรกิจ เป็นคุณเพ็ญที่มีแต่คำว่าให้ ของเพื่อนๆและลูกน้อง ขอบคุณแม่เหลือเกินที่คอยปูทางทุกอย่างไว้ให้พวกเรา เราจะขอเดินตามทางทุกอย่างที่แม่ปูไว้เราจะดูแลลมหายใจที่แม่ให้ไว้ต่อไป และจะจดจำคำสอนของแม่ อ้อมกอด รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ที่เราเคยมีให้กันเพื่อเป็นเครื่องย้ำเตือน เป็นความรัก ความผูกพัน ที่เรามีต่อกันตลอดไป

แม้วันนี้ชีวิตเราจะไม่มีแม่อยู่ตรงนี้แล้ว แต่พวกเรายังมีเลือดเนื้อของแม่อยู่ในร่างกายอยู่ในหัวใจของลูกๆ ทุกคน ชีวิตนี้พวกเราภูมิใจเหลือเกินที่ได้เกิดเป็นลูกของแม่ จากนี้ไปลูกทุกคนจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่นี้ทำให้แม่ภูมิใจในตัวลูกกว่าที่เคย รักแม่สุดหัวใจ

Comments are closed.

เรื่องล่าสุด