Archive | ธันวาคม, 2022

ปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ คืนสู่ธรรมชาติ รับปีใหม่

Posted on 30 ธันวาคม 2022 by admin

DSC_4678-1_resize

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด  ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์ “POP” ร่วมกับ นางสุพิชชา เหมทานนท์ นักวิชาการประมงชำนาญการพิเศษ รักษาราชการแทน ประมงจังหวัดสมุทรสาคร นำคณะข้าราชและเจ้าหน้าที่หน่วยงานกรมประมงจังหวัดสมุทรสาคร  ตลอดจนผู้นำชุมชน และพนักงานบริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด ร่วมกิจกรรม “ปล่อยพันธ์สัตว์น้ำ คืนสู่ธรรมชาติ”  ปล่อยพันธุ์กุ้งทะเลกว่า 1,000,000 ตัว คืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ สร้างสมดุลและคืนความอุดมสมบูรณ์ให้กับระบบนิเวศน์ รับเทศกาลปีใหม่ 2566  โดยมี นางสาวชัญญา ยงเห็นเจริญ, นางสาววีรยา ส่งทวีผล และ นายอธิวัฒน์ เปรมพุฒิพันธ์ ผู้บริหารจากบริษัท ชลิต อินดัสทรีฯ ร่วมงานด้วย  ณ บริเวณชายฝั่งทะเล ศาลเจ้าแม่กวนอิม หมู่ที่ 8 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ. สมุทรสาคร

Comments (0)

มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ ร่วมยินดีกับผู้อบรม จบหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียง #รุ่น1 มุ่งสร้างงาน – อาชีพคนพิการ…

Posted on 30 ธันวาคม 2022 by admin

            บาทหลวงสุขุม ธนะสิงห์ C.Ss.R. รองประธานมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ ได้มอบใบประกาศนีบัตร ให้กับคนพิการที่อบรมหลักสูตรเศรษฐกิจพอเพียงรุ่นที่ 1 จำนวน 35 คนโดยตลอดระยะเวลา 6 เดือน ผู้เข้าร่วมอบรมได้เรียนทฤษฎีการเกษตรจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านเกษตรอินทรีย์ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน รักษาสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ ทำเกษตรแบบเกษตรอินทรีย์  เพื่อให้ความรู้ พัฒนาทักษะแก่คนพิการและผู้ที่สนใจทั่วไปนำไปประกอบอาชีพ หรือปลูกพืชผักสำหรับบริโภคในครัวเรือนได้ และขยายโอกาสการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนสามารถเลี้ยงตนเอง – ครอบครัวได้อย่างยั่งยืน โดยจัดตั้งแบรนด์สำหรับการทำการตลาด ขายผลผลิตด้านการเกษตรของผู้พิการในชื่อว่า 20 ไร่ ออร์กานิคฟาร์ม  ณ ศูนย์เทคโนโลยีการเกษตรคนพิการนานาชาติ  ชลบุรี เมื่อเร็วๆนี้

Comments (0)

เปิดประสบการณ์ใหม่กับการศึกษานิวซีแลนด์

Posted on 28 ธันวาคม 2022 by admin

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับงาน “การศึกษานิวซีแลนด์ 2022” (New Zealand Education Fair 2022) ซึ่งหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand; ENZ)  สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย ร่วมกับ 47 สถาบันการศึกษาชั้นนำของนิวซีแลนด์ ร่วมกันจัดขึ้น โดยได้รับความสนใจจากน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ตลอดจนพ่อแม่ผู้ปกครองและผู้สนใจเข้าร่วมงานกันอย่างคึกคักกว่า 900 คน โดยมี ฯพณฯ นายโจนาธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เป็นประธานเปิดงาน ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ 2 เมื่อเร็วๆ นี้

          ฯพณฯ นายโจนาธาน คิงส์ เอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย เปิดเผยถึงเหตุผลที่ทำให้คนไทยและนักเรียนต่างชาติให้ความสนใจไปศึกษาต่อที่ประเทศนิวซีแลนด์ เนื่องจากการศึกษาของนิวซีแลนด์มีความแตกต่างจากที่อื่น ประการแรก  การศึกษาในนิวซีแลนด์มีคุณภาพสูงและเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก มหาวิทยาลัยทั้ง 8 แห่งของนิวซีแลนด์ติดอันดับท็อป 3% ของโลก และในทุกระดับการศึกษาทั้งภาครัฐและเอกชน รัฐบาลนิวซีแลนด์มีระบบรับรองคุณภาพมาตรฐานการศึกษาที่เข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะให้การศึกษาที่มีคุณภาพสูงสุดกับนักเรียนทุกคน

          ประการที่สอง การศึกษาในนิวซีแลนด์ นักเรียนจะได้เรียนเนื้อหาวิชาการที่มีความจำเป็นมากเท่ากับการเรียนทักษะอื่นๆที่จำเป็นต้องเรียนรู้ หรือทักษะที่นักเรียนถนัดอยู่แล้ว อีกทั้งการศึกษาในนิวซีแลนด์ยังส่งเสริมให้นักเรียนคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณและเป็นอิสระ มีความคิดสร้างสรรค์ และค้นหาคำตอบด้วยตนเอง ไม่เพียงแต่ฝึกฝนจนคล่องแคล่วเท่านั้น แต่นักเรียนยังต้องรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่น ปรับตัว และแสวงหาความรู้อยู่เสมอ

 “นักเรียนต่างชาติที่เรียนในนิวซีแลนด์ นอกจากจะได้รับวิชาการแล้ว ยังจะได้รับทักษะกลับไปด้วย อย่างเช่น รูปแบบการสอนของนิวซีแลนด์ช่วยให้นักเรียนได้รับทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานจริง แก้ไขปัญหาในการทำงานได้จริง และมีความเป็นผู้นำ โดยหลายหลักสูตรที่เปิดให้นักเรียนเข้ามาเรียนรู้ นักเรียนจะได้รับประโยชน์จากการทำงานเป็นทีมและการรับผิดชอบงานที่ได้รับมอบหมายในกลุ่ม แม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคยกันดี แต่ทักษะที่นักเรียนได้เรียนรู้จากการทำงานเป็นทีมและการทำงานร่วมกันนี้ จะทำให้นักเรียนก้าวไปสู่ความสำเร็จในหน้าที่การงาน และการมีทักษะดังกล่าวนี้เอง ยังช่วยให้ทุกคนทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมผู้อื่นได้ด้วย” ฯพณฯ นายโจนาธาน คิงส์ กล่าว

ผู้สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการศึกษานิวซีแลนด์ ดูได้ที่ www.studywithnewzealand.govt.nz

Comments (0)

“สู่ขวัญ บูลกุล” ปลื้ม “น้องปราบ” แฮปปี้เรียนนิวซีแลนด์

Posted on 28 ธันวาคม 2022 by admin

วันก่อนคุณแม่คนเก่ง “สู่ขวัญ บูลกุล” ไปร่วมแชร์ประสบการณ์การศึกษาในนิวซีแลนด์ของน้อง“ปราบ บูลกุล” ในงาน “การศึกษานิวซีแลนด์ 2022” (New Zealand Education Fair 2022) ซึ่งหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand; ENZ)  สถานทูตนิวซีแลนด์ ประจำประเทศไทย ร่วมกับ 47 สถาบันการศึกษาชั้นนำของนิวซีแลนด์ ร่วมกันจัดขึ้น ว่า รู้สึกแฮปปี้ที่น้องปราบสนุกกับการเรียนและใช้ชีวิตที่นิวซีแลนด์ เพราะพ่อแม่ทุกคนอยากให้การศึกษาที่ดีที่สุดกับลูก แต่การจะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้โตขึ้นมา สิ่งที่สำคัญมากไม่แพ้การศึกษา คือสิ่งแวดล้อม และสังคมที่เขาจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ ซึ่ง ณ ปีนี้ปัจจุบันนี้ นิวซีแลนด์ตอบโจทย์ทั้งในเรื่องระบบการศึกษา และสภาพแวดล้อมสังคมที่เด็กจะต้องเจริญเติบโต ทำให้ขวัญกับพี่โชค (โชค บูลกุล) รู้สึกมั่นใจว่าเป็นตัวเลือกที่ตัดสินใจดีที่สุดแล้วสำหรับลูกเรา

“ขวัญเป็นเด็กโรงเรียนไทยตั้งแต่อนุบาลจนถึงจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เรามีความรู้สึกว่าการศึกษาถูกแบ่งเป็นสายวิทย์-คณิต สายศิลป์ และต้องเรียนแบบนี้  แต่สำหรับที่นิวซีแลนด์จะต่างออกไป แต่ละโรงเรียนอยู่ในภูมิภาคไหน ความถนัดด้านไหน สามารถมีวิชาเป็นลักษณะพิเศษได้เลย เราคิดว่าเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว แต่เราไม่รู้ว่าเมื่อลูกเราไปอยู่จริงๆ เขาจะชอบด้วยหรือเปล่า ซึ่งตั้งแต่ไปถึงเขาบอกว่าโอเคมาก แม่ไม่ต้องห่วง จนเข้าโรงเรียน เริ่มเรียนหนังสือ สิ่งที่เขาบอกกลับมาคือ เขามีความสุขมาก ไม่รู้สึกว่าต้องปรับตัวเยอะ เพราะคนที่นิวซีแลนด์ค่อนข้างเป็นมิตร และมีน้ำใจ ถ้าเป็นเด็กต่างชาติมาเขาจะช่วยกันเลย นอกจากครูบอกแล้ว เด็กในหอพักซึ่งมีเด็กต่างชาติและเด็กนิวซีแลนด์ด้วย จะช่วยกันดูแลเป็นอย่างดี”

Comments (0)

มูลนิธิพระมหาไถ่ฯ ชวนคนไทยร่วมแบ่งปันให้น้องผู้พิการรับปีใหม่ ด้วย 3คลิปผ่าน Facebook และ Youtube

Posted on 22 ธันวาคม 2022 by admin

          ใกล้ปีใหม่เข้ามาทุกที…  หนึ่งในกิจกรรมของคนไทยเราคือการได้ทำบุญส่งท้ายปี (เก่า) ต้อนรับปีใหม่ เพื่อนำพาให้พบเจอแต่สิ่งดีๆ การทำบุญมีหลายวิธีที่นิยมกันไม่ว่าจะเข้าวัด ปล่อยนกปล่อยปลา รวมถึงการบริจาคสิ่งของหรือเงินก็เป็นอีกวิธีที่นิยมกัน วันนี้เราจะมาพูดถึงหน่วยงานที่ช่วยเหลือผู้พิการมาอย่างยาวนานส่งเสริมสร้างงาน สร้างอาชีพ  สร้างรายได้ให้แก่ผู้พิการเลี้ยงดูตัวเองและครอบครัวได้ ปีใหม่นี้จึงนับเป็นโอกาสดีที่เราจะมาช่วยกับร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือ ต่อยอดให้ผู้พิการได้ใช้ชีวิตให้มีความเท่าเทียมในสังคม ผ่านมูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ พัทยา ซึ่งปีนี้ได้จัดทำคลิปวีดีโอถึง 3 ชุด เพื่อชวนบริจาคผ่านแอปพลิเคชัน DSongboon โอนตรง โปร่งใส ปลอดภัย ตรวจสอบได้ โดยผีมือ 2 หนุ่มและทีมงานที่สร้างสรรค์สื่อดีๆ  เพื่อให้กำลังใจและส่งเสริมให้เห็นคุณค่าแห่งตนของผู้พิการทุกคน “แม้เราทุกคน..ไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์ แต่เราก็มีคุณค่าไม่ได้น้อยไปกว่ากัน”

          ดร.สุภรธรรม มงคลสวัสดิ์ เลขาธิการ มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ กล่าวถึงวัตถุประสงค์ในการจัดทำคลิปในครั้งนี้ว่า เพื่อให้เกิดการรับรู้และเข้าถึงความตั้งใจในงานของมูลนิธิฯ ที่ต้องการสนับสนุนและพัฒนาผู้พิการในส่วนต่างๆ เน้นศักยภาพและความสามารถของผู้พิการในการดูแลตนเอง  ในการทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างปกติเฉกเช่นบุคคลทั่วไป สนับสนุนผู้พิการให้มีความเท่าเทียมในสังคมและส่งเสริมคุณค่าแห่งตน ด้วยการบริจาคผ่าน แอปพลิเคชัน DSongboon ที่มีความปลอดภัย โปร่งใส และตรวจสอบได้โดยใช้เทคโนโลยี block chain มีกลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มบุคคลทั่วไปที่อยู่ในเครือข่ายของมูลนิธิฯ และกลุ่มองค์กรที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้สนับสนุน และเป็นผู้ร่วมจ้างงานผู้พิการ ผ่าน digital social network กลุ่มผู้ใช้สื่อเทคโนโลยีในการบริจาค ผ่าน mobile banking และ donation application

“พร้อมกันนี้ ได้จัดทำคลิปวิดีโอทั้งหมด 3 ชุดคือ 1.เรื่อง “เราทำได้” ความยาว  90 วินาที เนื้อหาแสดงให้เห็นความสามารถของผู้พิการในการใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติทั่วไป ธีมคือ “แม้เราทุกคนไม่ได้เกิดมาสมบูรณ์ แต่เราก็มีคุณค่าไม่ได้น้อยไปกว่ากัน” โดยจะโปรโมทผ่าน Facebook และ Youtube เพื่อเน้นการ share และกดlike สามารถแชร์ไปในสื่อต่างๆ ทั้ง website และ line official ของมูลนิธิฯ รวมทั้งของทาง DSongboon และ Ruamrudee International School 2. เรื่อง “ธรรมดา” ความยาว 30 วินาที ธีมคือ : แนวอารมณ์แบบกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นโดยการนำเสนอว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา และ 3. เรื่อง “ชีวิตเท่าเทียม”  มาในแนวอารมณ์ที่เน้นความเท่าเทียมของผู้พิการที่อยู่ร่วมในสังคมเดียวกันดำเนินชีวิตเป็นปกติเฉกเช่นคนทั่วไป โดยเน้นช่องทาง TikTok และ IG Reels เพื่อให้ต่อเนื่อง ทั้งนี้ได้รับการร่วมสนับสนุนจาก บริษัท Angel Time จำกัด  DSongboon Development Team Ruamrudee International School”

โดยมีผู้ร่วมสร้างสรรค์ นายธนภัทร จิระพจชพร น้องทีเจ อายุ 16 ปี จากโรงเรียนร่วมฤดีวิเทศศึกษา  หนึ่งในผู้ร่วมคิดสร้างสรรค์คลิปดีๆ  ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจในการร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ว่า : ทีเจสนใจ เรื่อง block chain และพวก digital money อยู่แล้วและต้องการที่จะใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับสังคม จึงรวมตัวกับเพื่อนๆคือ ทีเจ บีม และแพร ซึ่งมีความชอบและความสนใจเหมือนกัน และได้รับการคัดเลือกจาก บริษัท Angel Time ผู้ที่คิดทำโปรแกรมดีซองบุญ ที่ใช้เทคโนโลยี platform block chain และทำหน้าที่เป็นผู้พัฒนา content เพื่อโปรโมทการบริจาคให้แก่มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาผู้พิการฯ  โดยคาดหวังว่าสิ่งที่ทีเจคิดและทำในครั้งนี้จะสามารถช่วยให้ทุกคนในมูลนิธิพระมหาไถ่ฯ ให้มีโอกาสมีอาชีพ สามารถพึ่งพาตัวเองและหาเลี้ยงครอบครัวได้ ปีใหม่นี้จึงอยากช่วยประชาสัมพันธ์ให้ทุกคนพร้อมใจกันบริจาคเงินผ่านแอปพลิเคชั่น ที่มีความเสถียร และอยากให้มีการแชร์ช่วยกันเผยแพร่กันเยอะๆนะครับ”

และอีกหนึ่งหนุ่มที่ร่วมกันช่วยคิดคอนเทนส์กับทางทีมฯ  คือ  นายรวิศ ธรรมพลานนท์ซึ่งตอนนี้เรียนที่  Ruamrudee International School อายุ 16   เล่าถึงแรงบันดาลใจว่า  : “ผมมีความสนใจในทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อสังคมมาตลอด ครั้งนี้ผมและเพื่อนอีกสองคนได้ช่วยกันพัฒนารูปแบบเนื้อหาสำหรับ DSongboon  Application ให้กับมูลนิธิฯ โดย แอปฯ นี้จะทำงานบนเทคโนโลยีบล็อกที่ช่วยโอนเงินบริจาค จากผู้บริจาคไปยังมูลนิธิฯ หรือ หรือผู้รับบริจาคได้โดยตรง ตรวจสอบตัวเลขที่บริจาคได้ ทั้งตัวเลขรวมและตัวเลขแบบรายบุคคล มีความโปร่งใส ความปลอดภัย ซึ่งหวังว่าโครงการฯ นี้จะช่วยทำให้ผู้พิการสามารถพัฒนาศักยภาพและใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติทั่วไปได้ครับ”

          ปีใหม่นี้… จึงขอเชิญชวนผู้มีจิตกุศลทุกท่านได้ร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือผู้พิการผ่านแอปพลิเคชัน DSongboon โอนตรง โปร่งใส ปลอดภัย ตรวจสอบได้ หรือสามารถโอนเงินผ่าน เลขบัญชี โอนเงินเข้าบัญชี “มูลนิธิพระมหาไถ่เพื่อการพัฒนาคนพิการ” เลขที่บัญชี 342-3-04066-0 ธนาคารกรุงเทพ บัญชีออมทรัพย์สาขาบางละมุง โดยใบเสร็จนำไปลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าอีกด้วย….

Comments (0)

บียอนด์ เทรนนิ่ง ชี้ผู้นำยุคใหม่ต้อง “เก่งงาน เก่งคน เท่าทันเทรนด์โลก”

Posted on 07 ธันวาคม 2022 by admin

          ผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมพัฒนาคนในองค์กรชั้นนำเมืองไทยเผยถึง การเปลี่ยนแปลงธุรกิจยุคใหม่ว่า ทักษะคนทำงานยุคเดิมกำลังจะหมดไป โดยเฉพาะทักษะด้านความเป็นผู้นำ ส่งผลให้ “ทักษะผู้นำยุคใหม่ หรือ Adaptive Leadership Skill ” กลายมาเป็น “ทักษะสำคัญเร่งด่วน” ที่ต้องเร่งพัฒนาหัวหน้ายุคดิจิทัล พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงจะหยุดนิ่งไม่ได้ ต้องมี Adaptive Leadership ความเป็นผู้นำยุคใหม่ต้อง  “เก่งงาน เก่งคน เท่าทันเทรนด์โลก” เป็นฟันเฟืองสำคัญสร้างองค์กรให้เติบโตแบบก้าวกระโดดในยุคดิจิทัลที่สมบูรณ์แบบ…

ภก. คงเกียรติ  ฉัตรหิรัญทรัพย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บียอนด์ เทรนนิ่ง จำกัด ผู้นำด้านการฝึกอบรมพัฒนาคนในองค์กรชั้นนำของไทย เผยว่า จากนิตยสาร Forbes “Human Resources Council จำนวน 14 ท่าน” ได้ระบุถึง 14 ความท้าทายที่หัวหน้ามือใหม่ต้องเผชิญในช่วงปี 2022 และอนาคต ที่สอดคล้องกับสังคมการทำงานในไทยว่า  นับจากวันนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายโดยเฉพาะแนวคิดจาก “ผู้ทำ เป็น ผู้นำ” ส่งผลให้หัวหน้าต้องปรับแนวคิดครั้งใหญ่ จากการลงมือทำเอง เป็นสร้างผลงานผ่านทีม เพื่อให้หัวหน้างานไปทำสิ่งที่สำคัญกว่าและสร้าง Impact ต่อองค์กร ฉะนั้น หัวหน้างานต้องเริ่มเรียนรู้ “ทักษะหัวหน้ายุคใหม่” ซึ่งเป็นหัวใจเป็นมันสมองของธุรกิจในยุคดิจิทัล

พร้อมกันนี้  “การพลิกรูปแบบการสื่อสาร เชื่อมคนในทีมและ Stakeholders หัวหน้างานที่มีประสิทธิภาพ คือ ต้องรู้จักทีมว่าใครมีความสามารถอะไร? รู้วิธีสื่อสารให้ทีมเข้าใจ และประสานงานกับแผนกอื่นๆได้ ปรับบทบาทเป็นผู้นำที่พร้อมสนับสนุนและสร้างแรงผลักดันให้กับลูกทีมได้ในโลกของการทำงานไม่มีอะไรแน่นอน พนักงานในทีมแต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน หัวหน้างานจึงต้องปรับบทบาทเป็นผู้ซัพพอร์ตสร้างกำลังใจ เป็นโค้ชฯอย่างเต็มที่ รับมือกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งกุญแจสำคัญช่วยปลดล็อกความคิดและพัฒนาทักษะของหัวหน้าคือ Adaptive Leadership Skill “

ทั้งนี้… ผู้นำยุคใหม่ที่พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง” (Adaptive Leadership) ซึ่งอ้างอิงจากหนังสือ The Practice of ADAPTIVE LEADERSHIP: Tools and Tactics for Changing Your Organization and the World ถึงบุคลิกลักษณะของผู้นำฯ มี 6 ข้อที่น่าสนใจ คือ

  1. Get on the Balcony การมองภาพรวม (Big Picture) ต้องมองภาพรวมให้เป็น เอาตัวถอยออกมาเพื่อศึกษาสภาพแวดล้อมโดยกว้าง หมั่นศึกษา Macro Trend ในปัจจุบันเป็นอย่างไร
  2. Identify adaptive challenges ระบุปัญหาที่ต้องการเปลี่ยนแปลงให้ชัดเจน เช่น การตั้งคำถามว่า อะไรคือปัญหาสำคัญ ระหว่างองค์กรหรือพนักงาน? ควรหาคำตอบร่วมกับพนักงาน เพื่อคัดกรองสิ่งที่เป็นปัญหาจริง ๆ และลำดับความสำคัญของปัญหา -ลงมือแก้ไข
  3. Regulate distress ปรับแนวคิดเพื่อรับมือกับความทุกข์ที่เกิดขึ้นจากการปรับตัว คือคำถามจากทั้งตัวเองและพนักงานว่า ทำไมถึงต้องปรับตัว? ตอบคำถามด้วยเหตุผลด้วยการ Turning up the heat (heifetz, 2009) ให้พนักงานเข้าใจว่าทำไมต้องเปลี่ยนแปลง
  1. Maintain disciplined attention เป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างวินัยของการปรับตัว หัวหน้าต้องเป็นตัวอย่างที่ดีในการ สร้างวินัยด้านการปรับตัว เพราะจะส่งผลดีต่อตนเอง ทีมและองค์กร
  2. Give the work back to the people ทำงานให้ใกล้ชิด ปลูกฝังหัวใจของการเป็นเจ้าของธุรกิจให้พนักงาน การเปลี่ยนแปลงมีทั้งประสบความสำเร็จและล้มเหลว หัวหน้าต้องมีความเชื่อมั่นและผลักดันผลลัพธ์ให้เกิดขึ้นจริง ให้กำลังใจ เสริมแรงจูงใจกระตุ้นให้รู้ว่าพนักงานมีความสำคัญต่อองค์กร
  3. Protect leadership voices from below ให้ความสำคัญกับ เสียงเล็กๆของพนักงานทุกคน ต้องรับฟังปัญหาของพนักงานทุกคน

การนำมาปรับใช้กับการทำงานในองค์กร หรือพัฒนาบุคลากรระดับหัวหน้างานให้มีความเป็นผู้นำยุคใหม่แบบ Adaptive Leadership นั้น จำเป็นต้องมีแผนพัฒนา มีเครื่องมือการฝึกอบรม หลักสูตรเสริมสร้างทักษะที่ได้มาตรฐาน สามารถนำมาผสมผสานกันเพื่อพัฒนาบุคลากรสู่การเป็นผู้นำยุคใหม่ออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งบริษัท Beyond Training ได้ออกแบบแผนพัฒนาที่ชื่อว่า Adaptive Leadership Series ที่ช่วย “สร้างคนเก่งที่มีภาวะผู้นำสูง” ช่วยพัฒนาบุคลากรในทุกตำแหน่งให้ “เก่งงาน เก่งคน เท่าทันเทรนด์โลก” พร้อมเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเติบโตแบบก้าวกระโดดให้กับองค์กรยุคใหม่

17179400247757_resize

กระบวนการสร้าง Adaptive Leadership ให้กับบุคลากรในองค์กร จะต้องเริ่มตั้งแต่ “เจาะลึกกระแสโลก (Mega Trend) และทิศทางของธุรกิจ” เพื่อให้ทราบว่าองค์กรต้องเผชิญหน้ากับอะไร เพื่อหา Solution พัฒนากลยุทธ์ให้สอดรับการเปลี่ยนแปลง จากนั้นจึงร่วม วางแนวทางกลยุทธ์องค์กร (Business Direction) และ วางโครงสร้างองค์กร (Organization Design) รวมถึงการ ออกแบบตำแหน่งหน้าที่การทำงานต่าง ๆ (Job Design)

“จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนออกแบบการเรียนรู้ของคนในองค์กร ผ่าน Framework ที่ชื่อ High Impact Development Framework ที่จะเจาะลึกลงไปถึง 8 สมรรถนะ (Competency) ของผู้นำยุคใหม่ (Adaptive Leadership) ประกอบไปด้วย AGILITY, DISRUPTIVE , ATTITUDES , PERSONALIZATION , TECHNOLOGY , INNOVATION , LIVE WELL BEING , EMPATHY  ซึ่งการสร้างสมรรถนะเหล่านี้ จะพัฒนาได้ด้วยกลุ่มทักษะที่ถูกร้อยเรียงออกมาเป็นโปรแกรมการเรียนรู้ที่เหมาะสมตั้งแต่ระดับ Frontline Leadership , Mid-Level Leader ไปจนถึง Senior Leader  ผ่านแผนฝึกอบรม (Training Roadmap) ที่นำทฤษฏี 70 : 20 : 10 มาผสมผสาน ทั้งการเรียนรู้จากหลักสูตร (10) การแลกเปลี่ยนประสบการณ์หลังเรียนรู้ (20) รวมถึงการนำความรู้ไปปฏิบัติใช้จริง (70)

ในวิกฤติความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรวมถึงการเข้ามาของเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นตัวเร่งปฏิกิริยาให้องค์กรต้องตื่นตัวในการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำให้กับบุคลากร ฉะนั้น การสร้างแผนพัฒนา Adaptive Leadership Series ของ Beyond Training นับเป็นหนึ่งในเครื่องมือพัฒนาคนทำงานให้ก้าวขึ้นมาเป็น “ผู้นำยุคใหม่” ที่เก่งงาน เก่งคน และเท่าทันเทรนด์โลก  พร้อมขับเคลื่อนองค์กรไทยให้เติบโตในธุรกิจยุคดิจิทัลใหม่ได้อย่างยั่งยืน” ภก.คงเกียรติ  กล่าวในท้ายสุด

Comments (0)

เรื่องล่าสุด