Archive | กรกฎาคม, 2020

“ชลิตฯ” มอบรางวัล วิจัยดีเด่น “ชลิต อินดัสทรี อวอร์ด2020”

Posted on 17 กรกฎาคม 2020 by admin

          ผศ.นิธิ บุรณจันทร์ หัวหน้าภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ร่วมด้วย นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ และทีมผู้บริหาร บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ “POP” มอบรางวัลวิจัยดีเด่นและใบประกาศเกียรติคุณฯโครงการ  “ชลิต อินดัสทรี อวอร์ด 2020” โครงงานปริญญานิพนธ์ดีเด่นด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ ประจำปี 2563 สำหรับนักศึกษาภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ  คณะวิศวกรรมศาสตร์  เพื่อส่งเสริมและเป็นส่วนหนึ่งในการส่งต่อโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทย โดยมี รศ.ดร.บวรโชค ผู้พัฒน์  หัวหน้าศูนย์ศูนย์วิจัยและบริการวิศวกรรมการเชื่อมฯ ร่วมแสดงความยินดี ณ ภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ  มจธ.เมื่อเร็วๆนี้

Comments (0)

“แอดวานซ์ โซลูชั่นฯ” เปิดตัวนวัตกรรมใหม่! เครื่องออกกำลังกายอัจฉริยะ “HUR 5X Multifunction” ชูจุดเด่นด้วยระบบดิจิตอล ปลอดภัยสูง-ลดการบาดเจ็บ รับสังคมสูงวัย

Posted on 15 กรกฎาคม 2020 by admin

          “แอดวานซ์ โซลูชั่นฯ” เปิดตัว นวัตกรรมใหม่! เครื่องออกกำลังกาย จากประเทศฟินแลนด์ “เครื่องออกกำลังกายอัจฉริยะ HUR 5X Multifunction” ชูจุดเด่นด้วยระบบดิจิตอล และเป็นเทคโนโลยี แรงต้านที่เกิดจากลม (Pneumatic Resistance) ซึ่งเป็นระบบ Natural Transmission โดยผู้เล่นจะใช้แรงและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกาย ที่จะทำให้การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ  และมีความปลอดภัย ช่วยลดการ กระแทก การบาดเจ็บ หรือการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ หรือกระดูก โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงวัย สามารถออกกำลังกายได้5รูปแบบในเครื่องเดียวกัน ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ถึง 9 ส่วน

          นายสุนทร ทองมี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดวานซ์ โซลูชั่น เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าเทคโนโลยีด้านการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ ผู้ป่วยและเครื่องออกกำลังกายเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายแบบครบวงจร เปิดเผยว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างรวดเร็วและรุนแรง ข้อมูลปี  2562 จากกรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวง พ.ม. เผยว่าไทยมีประชากรอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปกว่า 11 ล้านคน โดยในปี 2564  จะมีประชากรสูงวัย 1 ใน 5 ของประชากรทั้งหมด หรือ 20% ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ได้คาดการณ์ว่าในปี พ.ศ. 2570 ประเทศไทยจะมีวัยแรงงานลดจำนวนลงเหลือ 61% คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ แม้คนไทยจะมีอายุยืนยาวขึ้น แต่พบว่ามีเพียง 5% เท่านั้นที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว ในอนาคตจะพบเห็นผู้สูงอายุนั่งรถเข็น และใช้เปลนอนในโรงพยาบาลมากขึ้นเรื่อยๆ ที่น่าสนใจคือ ผู้สูงอายุมักประสบอุบัติเหตุภายในบ้าน และสถานที่ที่ผู้สูงอายุไปทำกิจกรรมบ่อยๆ อุบัติเหตุในผู้สูงอายุมักเกิดจากสภาพร่างกายที่มีแขนขาอ่อนแรง สายตาฝ้าฟาง และสภาพแวดล้อมที่ไม่อำนวย มีงานวิจัยพบว่า 10 ปีสุดท้ายในชีวิตของคนไทยโดยเฉลี่ยอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์ มักอยู่ในภาวะพึ่งพา ไม่สามารถดำเนินกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ สิ่งที่ควรทำคือ ยืดเวลาในช่วงเวลาของการมีสุขภาพดีให้ยาวออกไปได้มากที่สุด และลดช่วงภาวะพึ่งพาให้น้อยที่สุด

การฟื้นฟูอาการป่วยไข้ และส่งเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหรือกระดูกสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ ที่ต้องการการฟื้นฟูของกล้ามเนื้อหรือข้อกระดูก ด้วยชุดอุปกรณ์การออกกำลังกายซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัยสำหรับการฟื้นฟู และเสริมสร้างกล้ามเนื้อโดยเฉพาะ ซึ่งมีความเหมาะสมและมีความปลอดภัยสูงสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ที่ต้องการการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและข้อกระดูกเป็นพิเศษ  และจะช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุ หรือการฉีกขาดของกล้ามเนื้อหรือกระดูกของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย  และเป็นการส่งเสริมให้ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย ได้มีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น และลดการที่จะต้องพึ่งพาผู้อื่นที่จะคอยให้การช่วยเหลือ จากการเดิน การนั่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ รวมถึงไม่เสี่ยงต่อการหกล้มหรือเกิดโรคต่าง ๆได้ง่าย  ซึ่งจะทำให้ครอบครัวสามารถลดหรือประหยัดค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการต้องเข้ารักษาตัว อันเนื่องมาจากการเกิดอุบัติเหตุ จากการหกล้ม ของผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย ในแต่ละปีได้ไม่น้อย รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนให้ความสำคัญและใส่ใจต่อการดูแลสุขภาพที่ดี เพื่อเป็นสังคมผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ มีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืนยาวมากขึ้น

ด้วยเหตุผลดังกล่าว บริษัทฯ จึงแสวงหาและนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่มีนวัตกรรมใหม่ เครื่องออกกำลังกาย “HUR 5X Multifunction” ด้วยระบบดิจิตอล HUR จากประเทศฟินแลนด์ ทำงานด้วยระบบดิจิตอล โดยใช้แรงต้านที่เกิดจากลม (Pneumatic Resistance) ซึ่งจะทำให้ผู้เล่นใช้แรงและการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อขณะออกกำลังกายได้อย่างเป็นธรรมชาติ (Natural Transmission) ทำให้มีความปลอดภัยสูงสำหรับผู้เล่น และช่วยลดการกระแทก การบาดเจ็บ หรือการฉีกขาดของกล้ามเนื้อ และกระดูกได้  โดยคุณสมบัติพิเศษของเครื่องออกกำลังกาย HUR เป็นอุปกรณ์สำหรับการออกกำลังกายที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเสริมสร้าง ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกาย หรือบำบัดให้กล้ามเนื้อ ข้อกระดูกแข็งแรง ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เครื่องออกกำลังกายอัจฉริยะ HUR ทำงานด้วยระบบดิจิตอลหน้าจอแบบทัชสกรีนทำให้ง่ายต่อการควบคุมการทำงาน การปรับที่นั่ง ปรับน้ำหนัก ผู้เล่นสามารถทำได้เองโดยอัตโนมัติ โดยทุกการออกกำลังกาย ระบบจะทำการเก็บบันทึกทุกกิจกรรมของผู้เล่น เพื่อประมวลผล วิเคราะห์ และออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกายที่เหมาะสม ให้สัมพันธ์กับอายุ มวลกล้ามเนื้อ เพื่อให้เหมาะสม และปลอดภัยกับแต่ละบุคคล เครื่องออกกำลังกาย HUR จึงเป็นเครื่องออกกำลังกายที่เหมาะสม และปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วย รวมถึงรองรับผู้ใช้วีลแชร์ ให้สามารถใช้เครื่องในการออกกำลังกาย บริหารร่างกายให้มีสมรรถภาพร่างกายแข็งแรง ช่วยฟื้นฟู หรือบำบัดให้หายจากอาการเจ็บป่วยได้เร็วขึ้น ช่วยสร้างความแข็งแรง ให้การทำงานของกล้ามเนื้อ,  การเคลื่อนไหวของข้อต่อ, หัวใจ ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

          นายสุนทร กล่าวอีกว่า สำหรับเครื่องออกกำลังกายอัจฉริยะ HUR 5X Multifunction นี้สามารถใช้ออกกำลังกายได้ถึง 5 รูปแบบในเครื่องเดียวกัน สามารถเสริมสร้างกล้ามเนื้อได้ถึง 9 ส่วน ดังนี้…

1. เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นขาให้มีความแข็งแรง เพื่อช่วยในเรื่องการทรงตัว การยืน การเดิน การขึ้นลงบันได การลุกนั่ง ให้มีความมั่นคง ช่วยลดความเสี่ยงในการหกล้มของผู้สูงอายุ

2. ช่วยฟื้นฟู บำบัด ให้กับผู้สูงวัย ช่วยเพิ่มองศาในการงอ และเหยียดเข่าให้สามารถเคลื่อนไหวได้เต็มช่วงมากขึ้น และชะลอความเสื่อมของข้อเข่า ช่วยลดอาการปวดข้อเข่าได้

3. เสริมสร้างกล้ามเนื้อแขน และไหล่ให้แข็งแรง เพื่อช่วยให้การใช้ชีวิตประจำวันดีขึ้น เช่น การถือของ ยกของ ยันตัว ขยับตัว ผลักหรือดันสิ่งของ ผู้สูงอายุสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

4. เสริมสร้างให้มีกำลังแขนที่แข็งแรง ทำให้การยึดจับของผู้สูงอายุทำได้ดียิ่งขึ้น ช่วยป้องกันการบาดเจ็บ หรือลดการบาดเจ็บจากการหกล้มได้

5. เสริมสร้างกล้ามเนื้อต้นแขน และหน้าอก ให้กระชับ ไม่หย่อนคล้อย และช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อจากการมีพฤติกรรมที่จะทำให้เกิดโรคออฟฟิศซินโดรม และลดอาการหลังค่อม ไหล่ห่อ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Website : www.asgwellness.com โทรศัพท์ 02-898-4534-5 หรือ Line: @asgwellness Email : sales@asgwellness.com

Comments (0)

กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศในโรงพยาบาลกว่า 20 แห่ง

Posted on 12 กรกฎาคม 2020 by admin

ดังที่ทราบกันอยู่แล้วว่า พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงเสียสละบำเพ็ญพระกรณียกิจในด้านสังคมสงเคราะห์ โดยไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย เพื่อมุ่งช่วยเหลือพสกนิกรผู้ตกทุกข์ได้ยากมาเป็นเวลายาวนาน ทรงลงพื้นที่เพื่อปลอบขวัญและให้กำลังใจแก่ผู้ประสบความเดือดร้อน ทรงประทานทรัพย์ ส่วนพระองค์ให้ไว้แก่โครงการต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับปัญหาผู้หญิงและเด็ก ซึ่งทรงห่วงใยเป็นอย่างยิ่งเสมอมา ทรงรับโครงการสำคัญๆ ไว้ในพระอุปถัมภ์หลายโครงการด้วยกัน อาทิ โครงการ “ช่วยลดการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก” “กองทุนยาพระวรราชาทินัดดามาตุสำหรับผู้ติดเชื้อเอดส์” “กองทุนพระวรราชาทินัดดามาตุ เพื่อช่วยลดการติดเอดส์จากแม่ลูก” “กองทุนนมสำหรับเด็กในโครงการช่วยลดการติดเอดส์จากแม่สู่ลูก” และ “โครงการคืนชีวิตให้พ่อแม่เพื่อลูกน้อยที่ติดเอดส์” นอกจากนี้ยังทรงเป็นนายกกิตติมศักดิ์ตลอดชีพของ “มูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย” ทรงมีความสัมพันธ์อันดีกับ “มูลนิธิเด็กโลก” ส่งผลให้ความช่วยเหลือในด้านที่เกี่ยวกับเด็กหลั่งไหลเข้าสู่ประเทศไทย

          ศ.นพ.สุรเดช หงส์อิง เลขาธิการ กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ เปิดเผยว่า เมื่อมูลนิธิคุณแม่คุณภาพได้ก่อตั้งกองทุนเพื่อหารายได้ในการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศ  ทางมูลนิธิฯ ได้รับพระกรุณาธิคุณจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (พระอิสริยยศในขณะนั้น) เสด็จมาเปิดกองทุนนี้ เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2544 และได้ทรงประทานเงินส่วนพระองค์ จำนวน ๑ ล้านบาท สำหรับเป็นงบตั้งต้นของกองทุน และทรงประทานชื่อกองทุนนี้ว่า “กองทุนโรคมะเร็งในเด็ก ในพระอุปถัมภ์ของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ” โดยมีพระดำริว่าอยากที่จะสนับสนุนช่วยเหลือเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง ทรงมีรับสั่งว่าเมื่อจัดตั้งกองทุนนี้แล้ว มิใช่เพื่อโรงพยาบาลใดโรงพยาบาลหนึ่ง เพราะฉะนั้นเงินที่ได้มาทางกองทุนฯ จึงกระจายไปทุกโรงพยาบาลทั่วประเทศที่ขอความช่วยเหลือเข้ามา และในปัจจุบันนี้มีโรงพยาบาลกว่า ๒๐ แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ โรงพยาบาลศูนย์ลำปาง โรงพยาบาลศูนย์พิษณุโลก โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ โรงพยาบาลขอนแก่น โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ โรงพยาบาลศรีสะเกษ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี โรงพยาบาลมหาราชนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี โรงพยาบาลหาดใหญ่ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โรงพยาบาลพระปกเกล้าจันทบุรี โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งทางกองทุนฯ ได้ให้เงินสนับสนุนโรงพยาบาลต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังได้สนับสนุนค่าใช้จ่ายบางส่วนในการปลูกถ่ายไขกระดูกจนถึงปัจจุบันเป็นจำนวนกว่า ๒๐๐ ราย นอกจากนี้นับตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ ทางกองทุนฯ ได้เพิ่มความช่วยเหลือค่ายาที่จำเป็นให้โรงพยาบาลในเครือข่ายในการรักษาโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในเด็กซึ่งเป็นโรครักษายากอีกด้วย นอกจากนี้ในปี ๒๕๖๐ และ ๒๕๖๑ ได้ทรงประทานเงินส่วนพระองค์ อีกปีละจำนวน หนึ่งล้านบาท ล่าสุดเมิ่อ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๖๒ ได้ประทานพระอนุญาตแก้ไขชื่อกองทุนฯ เป็น กองทุนโรคมะเร็งในเด็ก ในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ”

ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคมะเร็งในเด็กซึ่งอายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง ๑๕ ปี มีอุบัติการณ์ในแต่ละปีประมาณ ๑,๐๐๐ รายและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในขณะนี้ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าอะไรเป็นต้นเหตุ แต่ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูว่าดีหรือไม่ดี หากจะมีเพียงร้อยละ ๑-๓ เท่านั้นที่มีสาเหตุมาจากกรรมพันธุ์ เช่น โรคมะเร็งจอภาพตาของนัยน์ตา ในขณะนี้พบว่าเด็กเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวมากที่สุด ร้อยละ ๓๐ รองลงมาคือมะเร็งเนื้องอกในสมอง ร้อยละ ๒๐ มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ร้อยละ ๑๕ มะเร็งต่อมหมวกไต ร้อยละ ๑๐ ส่วนมะเร็งไต มะเร็งกระดูกและกล้ามเนื้อลาย มะเร็งตับ มะเร็งลูกนัยน์ตา และโรคมะเร็งอื่นๆ พบในสัดส่วนที่เท่ากัน คือร้อยละ ๕

รูปแบบในการให้ความช่วยเหลือของกองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ คือช่วยค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษา รวมทั้งค่ายา ค่าเดินทางมาตรวจรักษา ค่าที่พัก ตลอดจนเวชภัณฑ์ต่างๆ รวมไปถึงการรักษาที่มีค่าใช้จ่ายที่สูง เช่น การปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต โดยในแต่ละปีทางกองทุนฯ ได้ช่วยเหลือผู้ป่วยดังกล่าวผ่านทางแพทย์ที่ทำการรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด จากความช่วยเหลือของกองทุนฯทำให้อัตราการรอดชีวิตแล้วหายขาดจากโรคมีจำนวนมากขึ้น จนกล่าวได้ว่าผู้ป่วยมะเร็งเด็กมีโอกาสหายขาดจากโรคได้ถึงร้อยละ ๘๐ ในปัจจุบัน

ขณะเดียวกันทางกองทุนฯ ยังได้สนับสนุนให้กลุ่มแพทย์ที่เชี่ยวชาญโรคมะเร็งในเด็กได้ทำการวิจัยอีกด้วย นั่นคือ ได้มอบเงินให้กับชมรมโรคมะเร็งในเด็กตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๗ ให้ทำการวิจัยในการรักษาโรคมะเร็งต่อมหมวกไตในระยะลุกลามให้มีโอกาสหายขาดมากยิ่งขึ้น โดยในปัจจุบันชมรมโรคมะเร็งในเด็กมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญตามโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัดเป็นจำนวนกว่า ๒๐ แห่งด้วยกัน จากความช่วยเหลือของกองทุนฯ ทำให้เด็กที่เป็นมะเร็งมีโอกาสหายขาดมากขึ้นแล้วยังทำให้วงการแพทย์ไทยมีโอกาสทำกาวิจัยให้ทัดเทียมกับต่างประเทศอีกด้วย

นอกจากการรักษาโรคมะเร็งในเด็กให้หายขาดมากขึ้นแล้ว ทางกองทุนฯ ยังได้ช่วยเหลือให้เด็กมีโอกาสทุพพลภาพน้อยลง เช่น ได้มอบเงินค่าใช้จ่ายในการซื้ออุปกรณ์แขนขาโลหะที่ใช้แทนกระดูกที่เป็นมะเร็งที่ถูกตัดออก ทำให้เด็กไม่ต้องถูกตัดแขนขาออกไป

สำหรับค่าเดินทางก็มีความสำคัญมาก ในคนไข้เด็กบางรายหยุดการรักษาไปเฉยๆ เพราะว่าพ่อแม่ไม่มีค่าเดินทางมาโรงพยาบาล และอีกประการหนึ่ง ซึ่งสำคัญยิ่งกว่า คือค่าเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก สำหรับคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว เพราะค่าเปลี่ยนถ่ายไขกระดูกรวมถึงค่ารักษาพยาบาลต่างๆ จะมีประมาณ ๕๐๐,๐๐๐ บาทต่อราย ฉะนั้นกองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ ก็จะช่วยสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่ายนี้ด้วย ที่ผ่านมามีกว่า ๒๐ โรงพยาบาลที่ทางกองทุนฯได้ให้ความช่วยเหลือไปแล้ว เนื่องจาก ๘๐ เปอร์เซ็นต์ ของเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งทางบ้านมีฐานะยากจน บางคนอย่าว่าแต่ค่าบำบัดรักษาเลย ค่าเดินทางก็ยังไม่มี เราก็ต้องออกค่าเดินทางให้เขาด้วยและยาบางตัวที่โครงการ ๓๐ บาทไม่ครอบคลุม แต่เป็นยาที่มีความจำเป็นกับคนไข้ กองทุนฯ ช่วยเหลือสนับสนุน

นับตั้งแต่ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทรงรับกองทุนโรคมะเร็งในเด็กฯ ไว้ในพระอุปถัมภ์จวบจนปัจจุบันเป็นเวลากว่า ๑๙ ปีแล้ว ที่ทรงมีพระเมตตาช่วยเหลือผู้ป่วยมะเร็งเด็กที่ยากไร้ทั่วประเทศ และยังทรงมีพระดำรัสห่วงใยในสถานการณ์ของภาวะโรคมะเร็งในเด็ก ซึ่งยังมีอัตราสูงทุกปี ถึงแม้ว่าความก้าวหน้าทางการรักษาจะพัฒนาไปมากขึ้นกว่าเดิม กล่าวได้ว่า กองทุนโรคมะเร็งในเด็กในพระอุปถัมภ์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ มีคุณูปการอันสูงยิ่งต่อวงการแพทย์ นอกจากช่วยชีวิตผู้ป่วยที่ยากไร้แล้ว ยังถือเป็นกองทุนตั้งต้น สำหรับงานศึกษาวิจัยเพื่อความก้าวหน้าทางการรักษาต่อไปในอนาคต

          13 กรกฎาคม นี้ ตรงกับวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ  ขอทรงพระเจริญยิ่งยืนนานและขอถวายพระพรให้ทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ววัน

Comments (0)

วันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ

Posted on 10 กรกฎาคม 2020 by admin

          สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เสด็จแทนพระองค์ ให้ผู้แทนองค์กรต่างๆเข้าเฝ้าถวายพระพร เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ในวันจันทร์ที่  13 ก.ค. เวลา 14.00 น. ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรดา

Comments (0)

ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา นวัตกรรมและวิจัย (อว.) บรรยายพิเศษ

Posted on 10 กรกฎาคม 2020 by admin

          รศ.นพ.สรนิต ศิลธรรม ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา นวัตกรรมและวิจัย (อว.) บรรยายพิเศษ เรื่อง เปลี่ยนอย่างไรให้เป็นองค์กรดิจิทัล (Smart Organization : Government & Private)  ให้กับผู้บริหารระดับสูงทั้งจากภาครัฐและเอกชน จำนวน 83 คนที่เข้าอบรมหลักสูตร “ผู้นำการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล” (Digital CEO) รุ่นที่3   โดยมี รศ.นพ.ปฐม สวรรค์ปัญญาเลิศ นายคมสัน จำรูญพงษ์ นายศักดา เด่นแดนโดม นายรัชพล วงศ์สถิตย์พร นายสุวิทัศท์ สุรสิงห์โตทอง นพ.ณรงค์ ธาดาเดช นายพิศุทธิ์ อารีมิตร   ให้การต้อนรับ ณ พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ  (อพวช.) คลองห้า จ.ปทุมธานี เมื่อเร็วๆนี้ (07 มีนาคม 2563)

Comments (0)

“ชลิต อินดัสทรีฯ” ส่ง “ยางเพลากลาง” เจาะตลาด ชูจุดเด่นประสิทธิภาพลดแรงสั่นสะเทือน-เสียงรบกวนฯ

Posted on 08 กรกฎาคม 2020 by admin

           ชลิต อินดัสทรีฯ ส่ง “ยางเพลากลาง หรือ ตุ๊กตาเพลากลาง” เจาะตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทอะไหล่ทดแทน ชูจุดเด่นประสิทธิภาพที่เหนือกว่า อาทิ ลดแรงสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวน และช่วยยืดอายุการใช้งานเพลาคู่หน้าให้ยาวนานยิ่งขึ้น เป็นตัวช่วยสำคัญให้สมรรถนะการขับขี่ของระบบขับเคลื่อนล้อหน้ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

           นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยานยนต์ และอะไหล่ยางสำหรับใช้ในรถยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” เปิดเผยว่า “ยางเพลากลางหรือตุ๊กตาเพลากลาง” เป็นอุปกรณ์มาตรฐานติดในรถยนต์ประเภทรถบรรทุกขนาดเล็ก เช่น รถกระบะ ปิ๊กอัพ ไปจนถึงรถบรรทุกขนาดใหญ่ จำพวก รถหกล้อ รถสิบล้อ รองรับน้ำหนักของเพลากลาง มีบุชยางหุ้มลูกปืน ส่วนปลายด้านหนึ่งของเพลากลางสวมอยู่ และติดตั้งยึดติดกับตัวถังรถยนต์ และเพลากลางถูกแยกออกเป็น 2 ท่อน ทำให้บุชยางดูดซับการสั่นสะเทือน และเสียงดังที่เกิดกับตัวถังรถที่มีความเร็วรอบสูงและมีประสิทธิภาพ ดังนั้นยางเพลากลางจึงมีความสำคัญ เพราะเป็นตัวเชื่อมต่อระหว่างกะปุกเกียร์ ที่ติดตั้งอยู่บนแชสซีส์กับเฟืองท้ายเพลาขับ โดยตำแหน่งของชุดเฟืองท้ายจะเคลื่อนที่เปลี่ยนแปลงสัมพันธ์กับกระปุกเกียร์ และรองรับด้วยระบบช่วงล่างของรถ เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับภาระการบรรทุกของตัวรถ และสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และการบรรทุกของรถ

บริษัท ชลิตฯ จึงสบโอกาสส่ง “ยางเพลากลางหรือตุ๊กตาเพลากลาง”  เจาะตลาดในกลุ่มสินค้าประเภทอะไหล่ทดแทน ด้วยจุดเด่นผลิตจากยางที่มีความยืดหยุ่นสูง และมีประสิทธิภาพที่เหนือกว่ายางเพลากลางที่เป็นอะไหล่ทดแทนทั่วไป ช่วยลดแรงสั่นสะเทือน ลดเสียงรบกวน และช่วยยืดอายุการใช้งานเพลาคู่หลังให้ยาวนานยิ่งขึ้น ทำให้สมรรถนะการขับขี่ของระบบขับเคลื่อนล้อหลังที่มีการออกแบบการขับเคลื่อน หรือระบบส่งถ่ายกำลัง จึงเป็นทางเลือกที่ดีของผู้ใช้รถยนต์

 “สำหรับรถยนต์เพื่อการพาณิชย์หรือรถบรรทุกที่ทำตลาดอยู่ในเมืองไทย ตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่เป็นรถยนต์แบบขับเคลื่อนล้อหลัง จำเป็นต้องดูแลเพลาคู่หลังเป็นพิเศษ สืบเนื่องจากเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำหน้าที่ถ่ายทอดแรงม้า-แรงบิดโดยตรง ดังนั้นการเลือกใช้ยางเพลากลางที่มีคุณภาพ จะช่วยยืดอายุการใช้งานเพลาคู่หลังให้ยาวนานขึ้น และยังช่วยเสริมสมรรถนะการขับขี่ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นอีกด้วย จึงนับเป็นทางเลือกที่ดีของผู้บริโภค ตามสโลแกนของบริษัทที่กล่าวว่า “อะไหล่ยางให้ POP เป็นผู้ดูแล”นายชวิศ กล่าวในท้ายสุด

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถสอบถามรายละเอียดเรื่อง “ยางเพลากลาง” หรือ “ตุ๊กตาเพลากลาง” ภายใต้แบรนด์  “POP” ได้แล้วที่ร้านอะไหล่รถยนต์ชั้นนำใกล้บ้าน หรือสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายคลิกเว็บไซต์ www.chalitindustry.com

Comments (0)

เรื่องล่าสุด