การศึกษาเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนามนุษย์ โดยเฉพาะในวัยเด็กซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญของการเรียนรู้และการสร้างตัวตน การมอบโอกาสทางการศึกษาไม่ได้เพียงแค่เปิดโลกทัศน์ใหม่ๆให้เด็ก แต่ยังเป็นการสร้างพื้นฐานความรู้ ทักษะ และคุณธรรมที่จำเป็นต่อการเติบโตอย่างมั่นคงและมีคุณภาพ เด็กที่ได้รับการศึกษาที่ดีจะมีศักยภาพในการพัฒนาทั้งทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ซึ่งพวกเขาไม่เพียงเติบโตเป็นกำลังสำคัญของครอบครัวและชุมชน แต่ยังเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย

ในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปี 2568 ที่มาพร้อมกับคำขวัญ “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง” สะท้อนถึงยุคสมัยที่การศึกษาและการเรียนรู้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์ “POP” ได้แสดงความมุ่งมั่นในการสนับสนุนการศึกษาและการพัฒนาทักษะเยาวชนไทย ด้วยการมอบทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนการสอน และอุปกรณ์กีฬาให้แก่โรงเรียนบ้านโคก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยบริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญของการมอบโอกาสทางการศึกษาให้กับเยาวชนไทย ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศ

ในกิจกรรมนี้ บริษัท ชลิต อินดัสทรีฯ ได้มอบทุนการศึกษา พร้อมอุปกรณ์การเรียนการสอน และอุปกรณ์กีฬาให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนบ้านโคก อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร โดยมี นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ และ นางมนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ กรรมการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด เป็นตัวแทนมอบสิ่งของให้กับ นางวิไลวรรณ บัวประดิษฐ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคก เพื่อใช้ในการดำเนินกิจกรรมของโรงเรียนต่อไป ท่ามกลางบรรยากาศอบอุ่นที่มีคณะครูและนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในชุมชนและการพัฒนาสังคม โดยเฉพาะด้านการศึกษา ซึ่งถือเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ การสนับสนุนนี้มุ่งหวังให้เด็กๆ มีโอกาสเรียนรู้ เติบโต และพัฒนาตนเองให้ก้าวสู่อนาคตที่มั่นคงและมีความสุข เราหวังว่าอุปกรณ์ที่มอบให้จะช่วยเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้และสุขภาพที่ดีของเด็กๆในโรงเรียนบ้านโคกต่อไป”

          นางวิไลวรรณ บัวประดิษฐ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคก กล่าวว่า โรงเรียนบ้านโคกมีนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 รวมทั้งสิ้น 372 คน การสนับสนุนจากบริษัทชลิต อินดัสทรีฯในครั้งนี้ มาช่วยเติมเต็มความต้องการของโรงเรียน โดยเฉพาะอุปกรณ์กีฬาที่มีสภาพชำรุดไปตามกาลเวลา การได้รับอุปกรณ์ใหม่ๆ จะช่วยเสริมสร้างทักษะด้านกีฬาและส่งเสริมสุขภาพที่ดีของเด็กนักเรียน ต้องขอขอบคุณบริษัทชลิต อินดัสทรีฯ สำหรับความช่วยเหลือที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเยาวชน

นอกจากนี้ กิจกรรมยังเปิดโอกาสให้น้องๆ นักเรียนได้แบ่งปันเป้าหมายและความฝันในอนาคตของตนเอง ที่สะท้อนถึงมุมมองของเยาวชนคนรุ่นใหม่ เช่น

          น้องทิว บอกว่า โตขึ้นอยากเป็นคนขับรถส่งของ ขับรถขนส่งให้คุณพ่อ เพราะคุณพ่อเคยทำ  จึงอยากเป็นคนขับรถส่งของตามรอยคุณพ่อ

          น้องพิจิ บอกว่า โตขึ้นอยากเป็นคนขายลิปออยล์ แม่ค้าขายของออนไลน์  เพราะเป็นคนที่รักสวยรักงาม จึงอยากเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความสวยความงาม ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ความงามที่ตนเองชื่นชอบ

          น้องมิม และน้องต้นข้าว บอกว่า โตขึ้น อยากเป็นคุณครู เพื่อสอนเด็กๆ ให้เป็นคนดี

          น้องเกรซ, น้องปีใหม่ และน้องน้ำหนึ่ง บอกว่า โตขึ้นอยากเป็นคุณหมอ เพราะอยากช่วยรักษาผู้ป่วย ช่วยชีวิตคน

ทั้งนี้ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจและโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชนไทย เพื่อให้พวกเขาเติบโตอย่างมีคุณภาพและก้าวไปสู่อนาคตที่สดใส ตามคำขวัญวันเด็กแห่งชาติ “ทุกโอกาส คือ การเรียนรู้ พร้อมปรับตัวสู่อนาคตที่เลือกเอง”

         อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา แนะนำ ZEN Collection แบรนด์ LUCKANA (ลัคนา) แบรนด์น้องใหม่วงการจิวเวลรี่ “กำไลเซน” พลอยแท้จากธรรมชาติ100% รับปีมะเส็ง 2568 มีปี่เซียะอ้าปาก ไม่เจาะทวาร ทำพิธีวัดเซ็นโคจิ ไดคันจิ ประเทศญี่ปุ่น กำไลเซน 7วัน 7สี เป็นสีมงคล ตามวันเกิด อาทิ วันอาทิตย์ สีส้ม สื่อถึงพลังงานความมั่นใจและแรงบันดาลใจ วันจันทร์ สีขาว สื่อถึงความสงบ ความผ่อนคลายและการลดความเครียด วันอังคาร สีชมพู เป็นหินแห่งความรัก ความเมตตา วันพุธ สีเขียว เชื่อมโยงกับโชคลาภความสำเร็จการเปิดรับโอกาสใหม่ วันพฤหัสบดี  สีเหลือง เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ วันศุกร์ สีน้ำเงิน เป็นหินแห่งปัญญา วันเสาร์ สีดำ เป็นการปกป้องเสริมความกล้า เป็นต้น มี2 ขนาดคือ 4mm และ 6 mm ราคาพิเศษช่วงพรีเซลล์ 4mm. พิเศษ 3,890 บาท และ 6mm. พิเศษ4,290 บาท เริ่มแล้ววันนี้ถึง 31 ม.ค. 68 เท่านั้น

ท่านที่สนใจ กำไลเซน แบรนด์ LUCKANA (ลัคนา)สามารถซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทุกช่องทางออนไลน์ อาทิ LineOA:@Luckanajewelry, FB:https://www.facebook.com/luckanajewelry, IG:https://www.instagram.com/luckanajewelry,Tiktok:https//www.tiktok.com/@luckanajewelry

            ครั้งแรก!!! วงการจิวเวลรี่ เปิดตัวคอลเลคชั่น ZEN Collection แบรนด์ LUCKANA (ลัคนา) แบรนด์น้องใหม่ จับมือ หมอช้าง ทศพร ศรีตุลา ปรากฏการณ์วงการจิวเวลรี่ ด้วยกลยุทธ์แฟชั่นแฝงมู มูแบบย่องเบา แฟชั่นแบบตะโกน รับเทรนด์กระแสสายมูมาแรงต้อนรับปีมะเส็ง2568 ด้วยการผสมผสานระหว่างดีไซน์ที่งดงามและศาสตร์แห่งการเสริมดวงสร้างแรงบันดาลใจเครื่องประดับที่สวยงามผนวกกับการเสริมสร้างพลังบวกให้กับชีวิตของผู้สวมใส่ สู่ตลาดกลุ่มลูกค้าสายมู ตามวันเกิด 7วัน 7สี เผยมูจากวัดเซ็นโคจิ ไดคันจิ จากประเทศญี่ปุ่น รับประกันสินค้าทุกชิ้นผ่านการตรวจสอบคุณภาพ100% จำหน่ายทั้งทางออฟไลน์และออนไลน์ผ่านทางE-COMMERCE ในทุกแพลตฟอร์ม ทั้ง Line OA , FB , IG , Tiktok ฯลฯ มั่นใจดันยอดตั้งเป้าโต 10-15%

            อาจารย์ช้าง ทศพร ศรีตุลา นักโหราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย  ชื่อดังของประเทศไทย กล่าวว่าในฐานะนักโหราศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านฮวงจุ้ย และศาสตร์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเป็นวิทยากรและผู้ให้คำปรึกษาฯ  รับเทรนด์กระแสแฟชั่น แฝงมูซึ่งเป็นครั้งแรกในวงการจิวเวลรี่ ที่หมอช้างได้จับมือกับแบรนด์ LUCKANA (ลัคนา) โดยเปิดตัว  ZEN Collection แบรนด์ LUCKANA (ลัคนา) แบรนด์น้องใหม่วงการจิวเวลรี่ เป็นกำไลเซนที่มีปี่เซียะถูกต้องตามศาสตร์ คือ อ้าปาก ไม่เจาะทวาร  รูปทรงของพลอยแท้จากธรรมชาติ100% ที่แตกต่างกันตามแต่ละสี  รับปีมะเส็ง 2568 ตามวันเกิด 7วัน 7สี พร้อมทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดเซ็นโคจิ ไดคันจิ ที่ประเทศญี่ปุ่น

พร้อมกันนี้ กำไลเซน Zen Collection แบรนด์  Luckana  (ลัคนา)  7วัน 7สี เป็นสีมงคลตามวันเกิด  อาทิ  วันอาทิตย์ สีส้ม (Carnelian) สื่อถึงพลังงาน ความมั่นใจ และแรงบันดาลใจ วันจันทร์ สีขาว (Magnesite)  สื่อถึงความสงบ ความผ่อนคลาย และการลดความเครียด วันอังคาร สีชมพู (Rose Quartz) เป็นหินแห่งความรัก ความเมตตา และการเยียวยาทางอารมณ์ วันพุธ สีเขียว (Green Aventurine) เชื่อมโยงกับโชคลาภ ความสำเร็จ และการเปิดรับโอกาสใหม่ วันพฤหัสบดี  สีเหลือง (Yellow Quartzite) ช่วยเสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ ความกระจ่างในจิตใจ และเพิ่มพลังงาน วันศุกร์ สีน้ำเงิน (Lapis Lazuli)  เป็นหินแห่งปัญญา ความจริง และการสื่อสาร วันเสาร์ สีดำ (Onyx)  เป็นหินแห่งการปกป้อง เสริมความกล้า และป้องกันพลังงานลบ  เป็นต้น

“ทั้งนี้ การใช้หลัก THE ZEN ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์แห่งความเรียบง่าย ความงามในความเรียบง่าย ยอมรับความงามตามธรรมชาติ (Wabi-Sabi) ความเรียบง่าย (Simplicity) ความเป็นธรรมชาติ (Naturalness) ความสงบและสมดุล (Tranquility and Balance) ความสวยงามในแบบที่แตกต่าง (Impermanence) การตระหนักรู้ในปัจจุบัน (Mindfulness in Creation) โดยมีกลุ่มเป้าหมาย อาทิ กลุ่มคนที่สนใจเรื่องศาสตร์ความเชื่อ สายมู กลุ่มคนที่ต้องการเสริมสิริมงคล เสริมดวง เสริมความมั่นใจ เสริมพลังชีวิต กลุ่มคนที่ชอบเครื่องประดับแฟชั่น อยากเสริมลุคให้ดูโดดเด่น กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่สนใจเครื่องประดับที่มีความหมาย และชื่นชอบตามกระแสอินฟลูเอนเซอร์ เป็นต้น

            ทางด้านนางสาว ปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ประธานกรรมการบริหาร แบรนด์ลัคนา เปิดเผยว่า ล่าสุดได้เปิดตัว ZEN Collection แบรนด์ LUCKANA (ลัคนา)  ร่วมกับหมอช้าง ทศพร ศรีตุลา สร้างปรากฏการณ์วงการจิวเวลรี่ ด้วยลยุทธ์แฟชั่นแฝงมู มูแบบย่องเบา แฟชั่นแบบตะโกนรับเทรนด์กระแสสายมูมาแรงต้อนรับปีมะเส็ง 2568   ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างดีไซน์ และความงดงามของเครื่องประดับและศาสตร์แห่งการเสริมดวงสร้างแรงบันดาลใจ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างเครื่องประดับที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ยังเสริมสร้างพลังบวกให้กับชีวิตของผู้สวมใส่ด้วยการออกแบบกำไลเซน ที่ผสมผสานกับศาสตร์แห่งการเสริมดวงเสริมโชค รับปีมะเส็ง 2568 ตามวันเกิด 7วัน 7สี ซึ่งได้ทำพิธีที่ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้  Zen Collection เป็นคอลเลคชั่นแรกจากแบรนด์ลัคนา มีทั้งหมด 7 สี กำไลเซนทำด้วยพลอยแท้จากธรรมชาติ100%  มี 2 ขนาด คือ 4 mm. ราคา 4,290 บาท  และ 6mm. ราคา 4,790 บาท แต่ในช่วงเปิดตัว
แบรนด์ใหม่ได้มีการทำราคาพิเศษ พรีเซลล์ ให้ลูกค้า โดย 4mm. ราคาพิเศษที่ 3,890 บาท และ 6mm. ราคาพิเศษที่ 4,290 บาท ราคาพิเศษเริ่มตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ม.ค. 68 เท่านั้น รวมทั้งมีปี่เซียะในกำไลเซนอีกด้วย
และสินค้าทุกชิ้นมีใบรับรองมาตรฐาน E Certificate จาก บริษัท จี ไอดี แลบอราทอรีส์ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีภายใต้มาตรฐาน GIT Standard จากสถาบันวิจัยและพัฒนา อัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) การันตีว่าเป็นพลอยธรรมชาติแท้ ด้วยมาตรฐานระดับสากลในทุกขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย และกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ100 % จึงทำให้จำหน่ายสินค้าที่มีคุณภาพระดับเวิลด์คลาสในทุกมิติ  นอกจากนี้ในช่องทางการขายทั้งออฟไลน์ และออนไลน์ อาทิ LineOA:@Luckanajewelry,FB:https://www.facebook.com/luckanajewelry,IG:https://www.instagram.com/luckanajewelry,  Tiktok: https//www.tiktok.com/@luckanajewelry และผ่านช่องทาง E-COMMERCE เกือบทุกแพลตฟอร์มของ MARKETPLACE ที่มีในตลาดด้วย

นอกจากนี้ ได้วางกลยุทธ์การตลาดโดยจะเน้นไปที่การสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผ่านคอนเทนส์ เกี่ยวกับสินค้า ชูความโดดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งขัน พร้อมทั้งผ่านการใช้ Influencer Marketing ให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และสร้างความผูกพันในแบรนด์ด้วย ช่องทางการกระจายสินค้าจะผ่านการขายช่องทางออนไลน์เป็นหลัก และมี Pop up Store กระจายตามห้างต่างๆ เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์ และขยายตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วย โดยมีหมอช้างเสริมความมั่นใจและความน่าเชื่อถือในแบรนด์ได้มากขึ้น มั่นใจว่าจะดันยอดขายที่ตั้งเป้าไว้โต 10-15%” นางสาว ปัญจรัตน์ กล่าวในท้ายสุด

          สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ  เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ทรง เป็นพระเชษฐภคินีในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๘ และ ๙ และทรงเป็นสมเด็จพระราชปิตุจฉาในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 

          ประสูติเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๖ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๖ ณกรุงลอนดอนสหราชอาณาจักร เป็นพระธิดาพระองค์แรกในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระนามแรกประสูติตามที่โรงพยาบาลตั้งถวายคือ  May Songkla ซึ่งเป็นเดือนที่ทรงประสูติ  ต่อมาเมื่อความทราบฝ่าละอองธุลีพระบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระนามว่า หม่อมเจ้ากัลยาณิวัฒนา  และต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากัลยาณิวัฒนา

          พระองค์ทรงสำเร็จการศึกษาจากคณะวิทยาศาสตร์ สาขาเคมี มหาวิทยาลัยโลซานน์  ทรงได้รับ Diplôme de Chimiste A ขณะที่ทรงศึกษาที่คณะวิทยาศาสตร์นั้นยังทรงศึกษาหลักสูตรของสังคมศาสตร์ Diplôme de Sciences Sociales Pédagogiques อันประกอบด้วยวิชาต่าง ๆ ในสาขาวิชาการศึกษาวรรณคดีปรัชญา และจิตวิทยาด้วย

          ตลอดชนมชีพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจมากมายแก่ประเทศชาติ เพื่อแบ่งเบาพระราชภาระพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยทรงมีโครงการในพระอุปถัมภ์หลายร้อยโครงการ ทั้งด้านการศึกษา การสังคมสงเคราะห์ การแพทย์และการสาธารณสุข การต่างประเทศ การศาสนา และอื่น ๆ กับทั้งยังมีพระปรีชาสามารถด้านการเขียน ด้านการกีฬา ด้านการถ่ายภาพ และด้านดนตรี ซึ่งได้ทรงพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์จัดตั้ง “ทุนส่งเสริมดนตรีคลาสสิกในพระอุปถัมถ์ฯ” ขึ้นเพื่อพระราชทานทุนให้เด็กไทยได้มีโอกาสไปศึกษาต่อทางด้านตนตรีคลาสสิก โดยทรงสัมภาษณ์เด็กนักเรียนที่ขอรับทุนด้วยพระองค์เอง

ทั้งยังทรงสนพระทัยโครงการจัดส่งเยาวชนไทยไปร่วมแข่งขันโอลิมปิกวิชาการ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๓๒ ถึงปัจจุบัน โดยพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินกองทุนสมเด็จย่าเพื่อช่วยเหลือ ทรงติดตามความเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนการแข่งขัน พระราชทานกำลังใจและทรงแสดงความยินดีแก่เยาวชนไทยที่ได้รับรางวัลและใบประกาศเกียรติคุณจากการแข่งขันในทุก ๆ ครั้ง ทรงเป็นองค์พระอุปถัมภ์ “มูลนิธิส่งเสริมโอลิมปิกวิชาการและพัฒนามาตรฐานวิทยาศาสตร์ศึกษา ในพระอุปถัมภ์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์” (สอวน.) ทำให้บรรดาเยาวชนไทยได้ค้นพบตัวเองและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยติดต่อกันมายาวนานหลายปีตั้งแต่ปีแรกที่มีการส่งเยาวชนร่วมแข่งขัน

และเนื่องในวาระครบรอบ ๑๐๐ ปี วันประสูติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ๖ พฤษภาคม ๒๕๖๖ องค์การยูเนสโก (UNESCO) พิจารณาประกาศยกย่องให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลก เพราะพระองค์ทรงประกอบพระกรณียกิจนานัปการด้วยพระปณิธานแนวแน่ที่จะทำประโยชน์เพื่อประชาชนชาวไทย และสังคมโลก ทั้งยังทรงยึดมั่นในคุณค่าของมนุษย์ และศักยภาพของการพัฒนาจึงทรงอุปถัมภ์กิจการทั้งปวงที่เกี่ยวกับด้านการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์ การแพทย์และการสาธารณสุข ด้านสังคมสงเคราะห์ ด้านสัมพันธไมตรี การสื่อสารและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ด้านการศาสนาและศิลปวัฒนธรรม ที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชนและพสกนิกรชาวไทย

สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์สิ้นพระชมน์เมื่อวันที่ ๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๑  ในโอกาสวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ครบ ๑๗ ปี ปวงพสกนิกรชาวไทยรู้สึกสำนึกในพระกรุณาธิคุณที่ทรงพระกรณียกิจงานด้านต่างๆ เพื่อความสุขแก่พสกนิกรชาวไทยตลอดพระชนม์ชีพ

การส่งเสริมอาชีพผู้พิการถือเป็นอีกหนึ่งแนวทางสำคัญในการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมในสังคม ยกระดับคุณภาพชีวิตให้ผู้พิการสามารถช่วยเหลือตนเองได้อย่างยั่งยืน และมีศักยภาพในการดำรงชีวิตโดยไม่เป็นภาระต่อผู้อื่น และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนอนาคตที่สดใสของสังคม

หลายหน่วยงานทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และองค์กรสาธารณะ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมด้านอาชีพและพัฒนาศักยภาพผู้พิการ ผ่านการจัดอบรม ฝึกทักษะ และมอบโอกาสในการศึกษาเล่าเรียนและการทำงานในอาชีพต่างๆที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้พิการ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้พวกเขาได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง สร้างแรงกระตุ้นให้ผู้พิการสามารถก้าวข้ามข้อจำกัด พร้อมมีส่วนร่วมในสังคมอย่างภาคภูมิใจในการสร้างชุมชนที่เท่าเทียมและยั่งยืน

ด้วยตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว นางสุชญา ยงเห็นเจริญ รองประธานกรรมการ ร่วมด้วย นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์ “POP” ได้มอบเงินสมทบทุนเพื่อการศึกษา พร้อมเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์การกีฬา ให้แก่ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา เพื่อใช้ในการดำเนินงานและสื่อการเรียนการสอนให้กับน้องๆผู้พิการ ซึ่งเป็นนักเรียนประจำที่อยู่ในความดูแลของวิทยาลัยฯ เพื่อร่วมส่งเสริมการพัฒนาอาชีพผู้พิการอย่างยั่งยืน โดยมี นายคำพันธุ์ ราชดา ผู้อำนวยการ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา เป็นผู้รับมอบ  ณ  วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา เมื่อเร็วๆนี้

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัทชลิต อินดัสทรี จำกัด  เปิดเผยว่า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสังคมที่ยั่งยืน โดยเฉพาะด้านการศึกษาและการสร้างอาชีพ ที่ผ่านมาบริษัทฯได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่างๆอย่างต่อเนื่อง ในการสนับสนุนโครงการที่สร้างสรรค์และส่งเสริมคุณภาพชีวิต ล่าสุด บริษัทฯ ได้มอบเงินร่วมสมทบทุนการศึกษา พร้อมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์กีฬา ให้กับวิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่พัทยา  เพื่อใช้ในการดำเนินงาน เป็นสื่อการเรียนการสอนและอุปกรณ์เสริมพัฒนาทักษะการทำงานสำหรับนักเรียนผู้พิการ  และบริษัทฯหวังว่า การสนับสนุนดังกล่าวจะช่วยเสริมสร้างทักษะที่จำเป็น และเปิดโอกาสให้ผู้พิการได้พัฒนาตนเองสู่การมีอาชีพที่มั่นคง

“บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเครื่องมือและอุปกรณ์การศึกษา รวมถึงอุปกรณ์การกีฬาเหล่านี้ จะมีส่วนช่วยเพิ่มพูนทักษะการทำงานสำหรับผู้พิการ และช่วยพัฒนาศักยภาพของผู้พิการให้สามารถพึ่งพาตนเอง และมีส่วนร่วมในสังคมและเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน” นายชวิศ กล่าวพร้อมย้ำถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของบริษัทฯในการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างโอกาสและความเท่าเทียมในสังคม เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของผู้พิการ ให้สามารถพึ่งพาตนเองและมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

ทั้งนี้ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา เป็นสถาบันที่ผลิตบุคลากรทางด้านวิชาชีพ ให้กับน้องๆผู้พิการ โดยทางวิทยาลัยฯ ได้จัดการเรียนการสอนให้นักเรียนพิการ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ เพื่อให้น้องๆได้เรียนจบหลักสูตรวิชาชีพ ปวช. และปวส. แล้วมีงานทำ เพื่อช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืนต่อไป  อาทิ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เทคโนโลยีสารสนเทศ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ หลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) สาขาเทคโนโลยีธุรกิจดิจิทัล รวมถึงหลักสูตรระยะสั้น ได้แก่  หลักสูตรเตรียมพื้นฐานวิชาชีพ และหลักสูตรคอมพิวเตอร์เพื่องานสำนักงาน

          นายคำพันธุ์ ราชดา ผู้อำนวยการ วิทยาลัยเทคโนโลยีพระมหาไถ่ พัทยา  เปิดเผยว่า วิทยาลัยเทคโนโลยี พระมหาไถ่ พัทยา เป็นสถานศึกษาเพื่อคนพิการ   ได้ดำเนินงานด้านการจัดการศึกษา การฝึกอาชีพและการส่งเสริมการมีงานทำของคนพิการ โดยตลอดระยะเวลากว่า 35 ปีของการดำเนินงาน สามารถช่วยเหลือคนพิการโดยตรงมาแล้วมากกว่า   5,000 คน  ซึ่งการดำเนินงานของวิทยาลัยฯ จำเป็นต้องดูแลทั้งในเรื่องที่พัก อาหาร การจัดการศึกษา และกิจกรรมอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากคนพิการ

จากการดำเนินงานที่ผ่านมา  วิทยาลัยฯ ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากรัฐบาลประมาณ 20% และมากกว่า 80% เป็นการสนับสนุนจากผู้มีจิตศรัทธาที่เห็นความสำคัญในการช่วยเหลือคนพิการให้ได้รับการศึกษาและฝึกอาชีพ และนำไปสู่การมีงานทำ จึงเชิญชวนสถาน ประกอบการมาทำกิจกรรมส่งเสริมความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) มอบสิ่งของบริจาค มอบทุนเลี้ยงอาหาร มอบทุนการศึกษา แก่นักเรียนละนักศึกษาคนพิการ ได้เรียนหนังสือ ฝึกทักษะชีวิต มีอาชีพเลี้ยงดูตนเองและครอบครัวได้อย่างยั่งยืน บริจาคได้ที่ เลขที่บัญชี 3424736274ธนาคารกรุงเทพ สาขาบางละมุง ออมทรัพย์

ครอบครัวและเฉลิมฉลองกับคนที่เรารัก แต่การเดินทางในช่วงเทศกาลมักมาพร้อมกับความท้าทาย เต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เส้นทางที่คับคั่ง การจราจรติดขัดหนาแน่น ดังนั้น การเตรียมตัวให้พร้อมจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การเดินทางกลับบ้านในช่วงปีใหม่นี้ปลอดภัยและราบรื่น

ในการเตรียมตัวก่อนเดินทางไกลนั้น นอกจากต้องเตรียมตัวผู้ขับขี่และผู้ร่วมเดินทางให้พร้อมแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่ควรมองข้ามคือการดูแลตรวจเช็คสภาพรถยนต์ให้พร้อม เพราะรถยนต์เปรียบเสมือนเพื่อนร่วมทางที่จะพาทุกคนกลับถึงบ้านอย่างปลอดภัย การละเลยตรวจสอบสภาพรถก่อนออกเดินทางอาจนำไปสู่ปัญหาที่ไม่คาดคิด เช่น การเสียหายกลางทาง หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งนอกจากการตรวจสภาพรถยนต์เบื้องต้นด้วยตนเองแล้ว สิ่งที่ผู้ใช้รถต้องรู้และให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือการตรวจเช็คสภาพช่วงล่างรถยนต์

ข้อมูลจาก นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มาตรฐานสากลฝีมือคนไทย ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี ให้คำแนะนำว่า  การเช็คสภาพช่วงล่างของรถยนต์ก่อนเดินทางไกลเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการขับขี่และช่วยยืดอายุการใช้งาน โดยเทคนิคการดูแล-เช็คสภาพช่วงล่างรถยนต์ที่ผู้ใช้รถต้องรู้  ได้แก่

1. ตรวจสอบยาง:
   • เช็คความดันลมยางให้ตรงตามที่ผู้ผลิตกำหนด
   • ตรวจสอบดอกยางว่าหมดหรือไม่ โดยใช้เหรียญ 1 บาททดสอบความลึกของดอกยาง
   • มองหารอยฉีกขาด หรือวัตถุแปลกปลอมในยาง
2. ตรวจสอบโช๊คอัพ:
   • ตรวจดูว่าโช๊คอัพไม่มีน้ำมันรั่ว และไม่มีรอยสนิม
   • ทดสอบการตอบสนองโดยการกดลงบนรถแล้วปล่อยดูว่ารถยกตัวกลับมาเร็วแค่ไหน
3. เช็คระบบเบรก:
   • ตรวจสอบน้ำมันเบรกว่ามีระดับเพียงพอหรือไม่
   • ฟังเสียงเบรกขณะขับขี่ เพื่อหาสัญญาณที่บ่งบอกว่าเบรกอาจมีปัญหา
   • ตรวจสอบจานเบรกว่ามีการสึกหรอหรือไม่ฃ
4. ตรวจสอบระบบพวงมาลัย:
   • ทดสอบการหมุนพวงมาลัยว่ามีการตอบสนองที่ดีหรือไม่
   • ตรวจสอบว่าไม่มีเสียงผิดปกติเมื่อหมุนพวงมาลัย
5. ตรวจสอบช่วงล่าง:
   • มองหาสัญญาณการสึกหรอหรือความเสียหายที่จุดเชื่อมต่อของช่วงล่าง
   • เช็คข้อต่อและบูชต่าง ๆ ว่ายังอยู่ในสภาพดี
6. ตรวจสอบสายพาน:
   • ตรวจสอบสายพานที่เกี่ยวข้องกับระบบช่วงล่างว่ามีการสึกหรอหรือรั่วหรือไม่
7. ดูแลระบบขับเคลื่อน:
   • หากเป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ควรตรวจสอบน้ำมันในระบบขับเคลื่อน
8. ตรวจสอบความแข็งแรงของโครงสร้าง:
   • ตรวจสอบว่ามีรอยแตกหรือสัญญาณการเสียหายที่โครงสร้างของรถ

ทำไมต้องดูแลช่วงล่างรถยนต์ ?

อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้รถหลายคนอาจสงสัยว่า ช่วงล่างรถยนต์สำคัญอย่างไร  ทำไมต้องให้ความสำคัญใส่ใจดูแลช่วงล่างรถยนต์ นายชวิศ ยงเห็นเจริญ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า  การดูแลและเช็คสภาพช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ผู้ใช้รถยนต์เดินทางได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น  เนื่องจากช่วงล่างของรถยนต์มีส่วนประกอบหลักหลายอย่างที่สำคัญต่อการควบคุมและความปลอดภัยของรถ อาทิ

• ด้านความปลอดภัย: ช่วงล่างมีบทบาทสำคัญในการหยุดรถและควบคุมทิศทาง ช่วงล่างที่ดีช่วยให้การควบคุมรถมีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ แต่หากช่วงล่างมีปัญหา อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
• เพิ่มการขับขี่ที่สะดวกสบาย: โช๊คอัพและสปริง ช่วยดูดซับแรงกระแทก ทำให้การขับขี่นุ่มนวลและลดความเมื่อยล้าในขณะขับขี่ โดยเฉพาะการเดินทางในระยะไกล
• เพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่: ช่วงล่างที่ดีจะช่วยให้รถมีการควบคุมที่ดี เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ อีกทั้งยังช่วยลดการสึกหรอของยางรถยนต์และระบบเบรก
• ยืดอายุการใช้งานของรถ: ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถและประหยัดค่าใช้จ่าย การดูแลช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสียหายรุนแรงต่อชิ้นส่วนอื่นๆ ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงมากขึ้นในการซ่อมแซม

          “หากผู้ใช้รถไม่ใส่ใจให้ความสำคัญกับการดูแลช่วงล่าง อาจนำไปสู่ปัญหาที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีผลต่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อความสะดวกสบายในการขับขี่และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาอีกด้วย  ดังนั้น ผู้ใช้รถยนต์ควรตรวจสอบและบำรุงรักษาช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยยืดอายุการใช้งานและเพิ่มประสิทธิภาพของรถยนต์ในระยะยาวการดูแลช่วงล่างรถยนต์อย่างละเอียดและรอบคอบอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้รถยนต์ของเราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเฉพาะก่อนเดินทางไกลกลับบ้านต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง” นายชวิศ กล่าวสรุป

          “POP” เป็นแบรนด์ชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์มาตรฐานสากลฝีมือคนไทย ที่มีประสบการณ์มากกว่า 30 ปี มีผลิตภัณฑ์มากกว่า 5,000 รายการ อาทิ ยางแท่นเครื่อง ลูกปืนรองรับเพลากลาง บูชปีกนก และชิ้นส่วนอื่น ๆ ครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์ส่วนบุคคลจนถึงรถยนต์เพื่อการพาณิชย์   สามารถสอบถามรายละเอียด ที่ร้านอะไหล่รถยนต์ชั้นนำ ตัวแทนจำหน่าย หรือเว็บไซต์ https://chalitindustry.comโทร.02 8026400Email: info@chalitindustry.com

AIS EEC ต้อนรับคณะผู้บริหารจากหลักสูตร Digital Jumpstart (DJS) รุ่นที่ 2 จัดขึ้นโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) โดยในงานนี้ได้รับเกียรติจาก ดร. ศุภกร สิทธิไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการอาวุโส ด้านโครงการพิเศษและศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ได้กล่าวเปิดงาน เพื่อให้ผู้บริหารยุคใหม่ เติมแนวคิดดิจิทัล ตามทันเทคโนโลยี เป็นการเริ่มต้นอย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ นาย นวชัย เกียรติก่อเกื้อ Head of Enterprise Marketing & SME Business Management Section ตัวแทนจาก AIS Business ได้บรรยายและพาเยี่ยมชม Exhibition เทคโนโลยีดิจิทัล และนวัตกรรม5G โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล, Cloud, Digital Platform อีกทั้งยังร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ วิสัยทัศน์ และประสบการณ์ เพื่อเป็นการพัฒนาผู้บริหารรุ่นใหม่ของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ให้ได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันและอนาคตและนำไปประยุกต์ใช้กับองค์กรของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมกันนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน คือ นายกวิน นิติมนตรี บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) นายกษมวัต เจิมรังษี บริษัท ฑี คอร์ปเปอเรชั่น จำกัด นางสาวจารุวรรณ แก้วบัวเงิน บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด นางสาวจิดาภา จันทร์ทอง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด นายจุลนภ ศานติพงศ์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล นายชนม์วรรธน์ งามเลิศประเสริฐ บริษัท เอวาเบิลเซค จำกัด นางสาวชนากานต์ ธิติไชยวัฒน์ สำนักงานจังหวัดนครปฐม นายชลนท ศุภฤกษ์รัตน์ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) นายชัยวัฒน์ คารวะพิทยากุล กรมการแพทย์ นายชินวัฒน์ อัศวชัยโสภณ บริษัท สยาม คีนิค เซลส์ จำกัด นายเชาวลิต อินทร์จันทร์ การท่าเรือแห่งประเทศไทย นายไชยณรงค์ สุวรรณทวิทย์ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด รศ.ดร.ณัฐพล จันทร์พาณิชย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศรีราชา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา นางสาวณิศรา จันทรประทิน สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) พ.อ.ไท ชาญกล กรมยุทธการทหารบก กองทัพบก ดร.ธนเดช ธนากรวรกิจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นางสาวธัญญสินี ศิลปโสภณ บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด พ.ต.ท.ธัญตุรงค์ วุฒิวงศ์ สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นางสาวธิพาพร ชั้นอินทร์งาม บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ผศ.พญ.ธีรดา จันทร์ดี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ นายธีรศักดิ์ ไชยหาญ บริษัท เรดดอท ดิจิตอล จำกัด นางสาวนฤมล ศรีวิชัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) นางสาวนวรัตน์ พรหมศรีโชติ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด นางสาวนิชานันท์ สุนทรัตน์  บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท พรีโม่ จำกัด นางนิดา เลี่ยนพานิช การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผศ.ดร.ปฏิภาณ แซ่หลิ่ม บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) พ.ต.อ.ปพนพัชร์ ใบยา  สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง ดร.ภก.ปริญญ์ จักรสมิทธานนท์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร

นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด นางสาวปิยาภา ปิยนนทยา บริษัท 383 จำกัด นายพงศ์วราวุฑฒิ หมื่นยุทธิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นายพงษ์ศักดิ์ แก้วแสนเมือง สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ นายพัฒน์พินิจ อุส่าห์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายพัฒนา วัฒนากร การประปาส่วนภูมิภาค นางสาวพิชญา จันทร์วณิชพันธุ์ บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด นางสาวพิชามญชุ์ จันทรภักดี บริษัท อินเทลเล็คชวล ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด นายพิสิฐไชย สุวรรณเรือง บริษัท เอสพีสมาร์ทแพลนท์ จำกัด นายแพทย์พีรพัฒน์ ต่างใจ บริษัท เอนี่เพย์ จำกัด นายภาคภูมิ พัฒนเศรษฐานนท์ หอการค้าจังหวัดขอนแก่น นางสาวภูรศา มุทธสกุล บริษัท รูม แฟคทอรี่ จำกัด นางสาวมรรษพร กรรณสูต สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นางสาวรติรส วัลภา บริษัท ทัช เทคโนโลยี จำกัด นางสาวรัชนีวรรณ ปานบุตร บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด รศ.ดร.รัตนโชติ เทียนมงคล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายลักษ์มัญราม ทิวาตรี บริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด ดร.วรชัย วงษ์เจริญ บริษัท ซี.ดับบลิว กรุ๊ป (2565) จำกัด นายวรปรัชญ์ อินทนิล กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายวศวิศว์ ปุณณะสุขขีรมณ์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย แพทย์หญิงวีริศา วิมลเฉลา โรงพยาบาลศรีสวรรค์ กรุงเทพมหานคร นายศุภกิจ เถียรศิริวรรณ บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด นายศุภชัย  ธรรมศิริ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายสรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสรายุทธ ทองน้อย กรมการข้าว ผศ.ดร.สุธาทิพย์ มณีวงศ์วัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นายอนวัฒน์ วิริยะพรพิพัฒน์  บริษัท 100 โปร จำกัด นายอรรถกร วิริยานุภาพ บริษัท วัน ออเทน จำกัด นายอรรถสิทธิ์ อ่อนโพธา บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

          NGG JEWELLERY อาณาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับทั้ง เพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกาที่ได้รับความไว้วางใจที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี จัดกิจกรรมพิเศษรับเทศกาลแห่งความสุขตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รับสิทธิ์แลกซื้อของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ นาฬิกา Suunto รุ่น Vertical เพียง 15,000 บาท (จากปกติ 21,000 บาท) เมื่อซื้อเครื่องประดับที่ร้านNGG ครบ 15,000 บาทขึ้นไป เริ่มแล้ววันนี้ – 6 ธ.ค.2567   และซื้อเครื่องประดับครบ 35,900 บาทขึ้นไป รับฟรีทันที! ของขวัญเครื่อง Ultrasonic Jewely Cleaner เริ่มวันนี้ถึง 5 มค. 68 ด่วน! สินค้ามีจำนวนจำกัด ช้อปได้แล้วที่ NGG jewelry ทุกสาขาทั่วประเทศ และช่องทางออนไลน์

          นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ“NGG JEWELLERY” อาณาจักรเครื่องประดับแท้ของขวัญจากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับ ทั้งเพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา เป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่จำหน่ายสินค้าครบวงจรทั้ง 3 อุตสาหกรรม ทองคำ เครื่องประดับ และนาฬิกา แบรนด์ชั้นนำของโลก จัดกิจกรรมพิเศษรับเทศกาลแห่งความสุขตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมสิทธิพิเศษมากมาย  คือ 1.) เมื่อช้อปเครื่องประดับครบ 15,000 บาท รับสิทธิ์พิเศษ แลกซื้อ ของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ นาฬิกา SUUNTO รุ่น Vertical ได้ในราคาเพียง 15,000 บาท (จากราคาปกติ 21,000)  เริ่มแล้ววันนี้ – 6 ธ.ค.2567  และ2.) ช้อปเครื่องประดับครบ 35,900 บาท รับฟรี!ของขวัญเครื่อง Ultrasonic Jewely Cleaner เริ่มแล้ววันนี้ – 5 ม.ค. 68 เท่านั้น

ทั้งนี้ นาฬิกา SUUNTO รุ่น VERTICAL เป็นสินค้าคุณภาพมีคุณสมบัติพิเศษ และเทคโนโนยีที่ทันสมัยมีความโดเด่น อาทิ มีแผนที่แบบออฟไลน์โหลดได้ฟรีทั่วโลกหรือจะวางแผนเส้นทางผ่านแอพลิเคชั่น SUUNTO ด้วยแผนที่ความร้อนที่แยกชนิดกีฬา, แผนที่แสดงลักษณะพื้นผิวดูพื้นที่จริงรูปแบบ 3D เป็นต้น และพิเศษรุ่น Solar ใช้แบตเตอรี่ได้มากขึ้นอีก 30%  มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม (GNSS) และระบบ Dual band ให้ความแม่นยำสูง ฯลฯ นาฬิกาทุกชิ้นที่ผลิตขึ้น SUUNTO จะFully carbon compensated หรือการดูดคาร์บอนคืน 100% ร่วมกับ Tree-Nation เพื่อปลูกป่าทดแทนผ่านการทดสอบบนมาตรฐานทางการทหาร (MIL-STD-810H) อัพเดทได้รวดเร็วผ่านโทรศัพท์ ระบบกันน้ำได้ลึกถึง 100 เมตร รองรับการออกกำลังได้ 97 ชนิดกีฬา สามารถสร้างโหมดการออกกำลังกายเฉพาะตามที่ต้องการได้อีกด้วย

ท่านสามารถเลือกชมและเลือกซื้อสินค้ารับเทศกาลแห่งความสุขที่สามารถตอบโจทย์ได้กับทุกไลฟ์สไตล์ พร้อมกับสิทธิพิเศษอีกมากมาย ได้แล้วที่ NGG JEWELLERY ทุกสาขาทั่วประเทศ  อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ , เซ็นทรัล ระยอง, เซ็นทรัล เชียงใหม่ ,  เซ็นทรัล อยุธยา,  เซ็นทรัล ศรีราชา, เซ็นทรัลพัทยา, เซ็นทรัลนครปฐม , ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, จังซีลอน ภูเก็ต, เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (Westville)  เซ็นทรัลภูเก็ต , เซ็นทรัล พระราม2 และเซ็นทรัล นครสวรรค์ รวมทั้งช่องทางการจำหน่ายสินค้ามีหน้าสาขาทั้งหมด อีกทั้งยังมีด้าน Online เช่น ทาง website NGG ,  Shopee ,  Lazada และ Allonline เป็นต้น ให้ครอบคลุมทุกช่องทางการจำหน่ายทั่วประเทศ สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสั่งซื้อสินค้าและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02- 821-5983 เว็บไซต์ www.nggjewellery.com Facebook: NGG Jewellery  และ LINE OA: @nggjewellery และทุกช่องทางออนไลน์”  ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ กล่าวในท้ายสุด

          ดีเดย์ NGG JEWELLERY อาณาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติ เพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา ที่ได้รับความไว้วางใจและอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี เปิดสาขาใหม่ล่าสุดที่ เซ็นทรัล พัทยา ทำเลทองของนักลงทุน ด้วยกำลังซื้อสูงทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นศูนย์รวมของกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพทั้งคนในพื้นที่ คนกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ที่พัทยาและนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ ที่มากันอย่างต่อเนื่อง นับว่าเป็นความสมบูรณ์แบบของภาคตะวันออกทีเดียว และยังเป็นจังหวัดที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่ มี GPP per capita อยู่ใน Top 3 สูงสุดในประเทศไทยอีกด้วย

โดยงานนี้ นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ และนายธนาศักดิ์ ทรัพย์หิรัญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (NGG Jewellery) ได้ให้การต้อนรับ
นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี ที่ให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิด NGG JEWELLERYสาขาเซ็นทรัล พัทยา โดยมีเหล่าสาวงาม จากเวที Mrs.Thailand World  มาร่วมชมความสวยงามและสินค้าภายในร้าน NGG JEWELLERYอาทิ คุณกิจติพร  นันท์ตานนท์ คุณวาทินี  จินส์  คุณจิดาภา ชุมเมือง เป็นต้น รวมทั้งผู้บริหาร คุณชัญนวิชญ์ โบลาท Assistant General Manager จากเซ็นทรัลพัทยา มาร่วมยินดีในครั้งนี้ด้วย เรียกว่าชื่นมื่นกันถ้วนหน้าทีเดียว

สำหรับลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อและชมสินค้าของ NGG JEWELLERY ที่สาขาเซ็นทรัล พัทยา ซึ่งมีสินค้ามากมายให้เลือก อาทิ NGG Jewellery, CHARMMY, TARIZ, 24K Jewelry, GEMALYN, ZOULLINK, GEMRARITY, DIAMOND TODAY และแบรนด์อื่นๆอีกมากมาย โดยมีความน่าเชื่อถือด้วยมาตรฐานระดับสากลในทุกขั้นตอนการผลิตและจัดจำหน่าย ด้วยกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ 100% ภายใต้การบริหารมืออาชีพทั้งประสบการณ์และความรู้ตามมาตรฐานสากล จึงทำให้จำหน่ายสินค้าคุณภาพระดับเวิลด์คลาสในทุกมิติ

ทั้งนี้ พร้อมแล้วที่จะให้ทุกท่านเปิดประสบการณ์ใหม่ในการช้อปเครื่องประดับสุด Exclusive กับโปรโมชั่นพิเศษอีกมากมายที่เตรียมไว้สำหรับลูกค้าคนพิเศษเช่นคุณและอย่าลืมมาช้อปเครื่องประดับสุด
พรีเมียมที่ร้าน NGG Jewellery เซ็นทรัล พัทยา ชั้น 3 อานาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติ ทองคำ
จิวเวลรี่ และอัญมณี

โดยท่านสามารถเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าได้ทั่วประเทศ หรือสามารถสั่งซื้อสินค้าและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02- 821-5983 เว็บไซต์ www.nggjewellery.com  Facebook: NGG Jewellery  และ LINE OA: @nggjewellery ได้ทุกวัน

NGG JEWELLERY อาณาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติ เพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา เดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง พร้อมเปิดเส้นทางสู่ความรัก…รับปลายปี เผยวิธีเลือกแหวนแต่งงานที่คู่รักต้องรู้ เพื่อให้ได้แหวนเพชรที่สวยงาม และเป็นตัวแทนของความรักอันลึกซึ้งเผยเป็นสัญลักษณ์แห่งรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลายกับ4เทคนิคคือ1.)ตั้งงบประมาณไว้ 2.)เลือกคุณภาพของเพชร 3.)เลือกคอลเลคชั่นและดีไซน์ที่เหมาะสม 4.) เลือกร้านที่เชื่อถือได้ NGG Jewellery พร้อมจัดครบจบในที่เดียวมั่นใจด้วยมาตรฐานระดับโลก ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทองด้วยเครื่อง XRF มาตรฐานเยอรมนี ไปจนถึงทีมช่างผู้เชี่ยวชาญใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมจำหน่ายแล้วทุกสาขาทั่วประเทศ

นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด อาณาจักรเครื่องประดับแท้ของขวัญจากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับ ทั้งเพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา ได้รับความไว้วางใจและอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี กล่าวถึงความสำคัญของแหวนแต่งงานว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักอันบริสุทธิ์ เปรียบเสมือนความรักนิรันดร์ที่จะคงอยู่ตลอดไป ไม่ใช่แค่เครื่องประดับ แต่เป็นตัวแทนของความผูกพันและคำสัญญา ที่คู่รักจะก้าวเดินไปด้วยกันในทุก ช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือความท้าทาย แหวนแต่งงานจึงเป็นมากกว่าสิ่งของ แต่เป็นบทกวีแห่งความรัก ที่คงอยู่เสมอในทุกสถานการณ์
การเลือกแหวนแต่งงานเป็นเรื่องที่คู่รักทุกคู่ควรให้ความสำคัญ NGG Jewellery เผย 4 เทคนิคการเลือกแหวนแต่งงานอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้แหวนเพชรที่สวยงามและยังเป็นตัวแทนของความรักอันลึกซึ้งที่คุณจะเก็บรักษาไว้ตลอดไป เป็นสัญลักษณ์แห่งรักที่ไม่มีวันเสื่อมคลาย คือ …
1.)ตั้งงบประมาณ
เป็นขั้นตอนแรกคือการกำหนดงบประมาณสำหรับการซื้อแหวนแต่งงาน โดยคู่รักควรกำหนดวงเงินที่พอเหมาะและเป็นไปได้ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้จ่ายเกินกำลัง ซึ่งโดยทั่วไปแหวนแต่งงานมีราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับวัสดุ ดีไซน์ และแบรนด์ที่เลือกนั่นเอง
2.)เลือกคุณภาพของเพชร
2.1 การเจียระไน (Cut) ส่งผลโดยตรงต่อความงามและความเปล่งประกายของเพชร เพชรที่ถูกเจียระไนดีจะสะท้อนแสงสวยงามมากที่สุด ซึ่ง GIA จัดระดับการเจียระไนตั้งแต่ Excellent (เยี่ยมที่สุด) ไปจนถึง Poor (ต่ำที่สุด)
2.2  สี (Color)  GIA จัดระดับสีเพชรจาก D ถึง Z โดยเพชรเกรด D คือเพชรที่ไร้สี ซึ่งมีมูลค่าสูงที่สุด ยิ่งเพชร มีสีใสบริสุทธิ์มากก็ยิ่งมีค่า
2.3 ความสะอาด (Clarity) ความสะอาดของเพชรวัดจากการมีตำหนิภายใน (Inclusions) หรือตำหนิภายนอก (Blemishes) GIA จัดระดับความสะอาด ยิ่งเพชรมีตำหนิน้อยก็ยิ่งมีค่ามาก
2.4 น้ำหนักกะรัต (Carat) มีผลต่อขนาดและมูลค่า ยิ่งน้ำหนักมาก เพชรก็ยิ่งมีขนาดใหญ่และมีมูลค่าสูง แต่ไม่ใช่ว่าน้ำหนักเยอะจะดีกว่าเสมอ ต้องพิจารณาร่วมกับการเจียระไน สี และความสะอาดด้วย
3.) เลือกคอลเลคชั่น และดีไซน์ที่เหมาะสม

3.1 Type IIa Diamond Collection แหวนเพชรสุดพิเศษที่ใช้เพชร Type IIa ซึ่งมีความบริสุทธิ์สูงสุดและหายากเพียง 1% บนโลก สะท้อนถึงความรักที่คงทนและนิรันดร์ แหวนในคอลเลคชั่นนี้ยังมีความพิเศษด้วยการฝัง Pink Diamond ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความรักที่อบอุ่นและโรแมนติก การผสานกันระหว่างเพชร Type IIa และ Pink Diamond ทำให้แหวนนี้เป็นเครื่องประดับล้ำค่าที่สะท้อนความรักที่ไม่มีวันจางหาย เหมาะสำหรับการครอบครองเพื่อสื่อถึงความรักที่สวยงามและเหนือกาลเวลา

3.2 Infinity Love diamond collection คอลเลคชั่นแหวนเพชรเม็ดยอดที่ออกแบบอย่างประณีตด้วยเพชร 88 เหลี่ยม หรือ Infinity diamond เปล่งประกายเจิดจรัสยิ่งกว่าเพชรทั่วไป ความงดงามของเพชรนี้ซ่อนความพิเศษด้วยการฝังเพชร Rose Cut ไว้ใต้เม็ดยอด เสมือนตัวแทนความรักไม่มีวันสิ้นสุดออกแบบให้เพชรเม็ดล่างสัมผัสนิ้วมือของผู้สวมใส่เพื่อให้รับพลังงานแห่งความรักอันอบอุ่น

3.3 The Love diamond collection แหวนเพชรที่สะท้อนถึงความสมบูรณ์แบบและความรักอันมั่นคงตลอดกาล เพชรเม็ดยอดที่มี Heart & Arrow ผ่านการเจียรไนอย่างพิถีพิถัน ได้รับการประเมิน 3 Excellent คือ การเจียระไน (Cut), ความสมมาตร(Symmetry) และการขัดเงา (Polish) ที่สมบูรณ์แบบ เป็นเหลี่ยมลูกศร 8 ดอกและหัวใจเสมือนคิวปิดที่ยิงลูกศรแห่งรักเข้าสู่หัวใจ ช่วยให้เพชรเปล่งประกายงดงามเหนือกว่าเพชรทั่วไป ตัวเรือนโดดเด่นด้วยการผสมผสาน White Gold และRose Gold เพิ่มความหรูหรา พร้อมกิมมิคหัวใจเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในทุกดีไซน์ เป็นสัญลักษณ์แห่งคำมั่นสัญญาแห่งรักที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

4.) เลือกร้านที่เชื่อถือได้
การเลือกซื้อแหวนแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องอาศัยความมั่นใจในคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า ที่ NGG Jewellery มีความมุ่งมั่นความสมบูรณ์แบบในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทองด้วยเครื่อง XRF มาตรฐานเยอรมนี ไปจนถึงการเจียระไนเพชรและพลอยโดยทีม ช่างผู้เชี่ยวชาญที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด เครื่องประดับทุกชิ้นได้รับการผลิตและรังสรรค์ด้วยความพิถีพิถันในโรงงานของเรา ก่อนที่จะผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากห้องแลป GID ซึ่งได้รับมาตรฐานระดับสากล เรามีทีมงานอัญมณีศาสตร์ผู้ชำนาญการและเครื่องมือตรวจสอบที่ทันสมัย ทำให้คุณมั่นใจได้ว่าอัญมณีทุกชิ้นที่คุณเลือกจากเป็นของแท้และคุณภาพสูงสุด
“ทั้งนี้ คู่รักที่สนใจแหวนแต่งงานคุณภาพ สวยครบจบในที่เดียวกับ NGG Jewellery มั่นใจในมาตรฐานระดับโลก ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปลายทางของกระบวนการผลิต ให้เครื่องประดับทุกชิ้นเป็นตัวแทนของความหรูหราและความเป็นเอกลักษณ์ที่คุณคู่ควร เป็นส่วนหนึ่งของวันสำคัญของคุณ ด้วยการบริการและคุณภาพที่มั่นใจได้ว่าการเลือกแหวนแต่งงานกับเราจะเป็นการตัดสินใจที่ดี สามารถเลือกซื้อแหวนเพชรได้แล้วที่ NGG Jewellery ทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามรายละเอียดโทร02-821-5983เว็บไซต์ www.nggjewellery.com  Facebook: NGG Jewellery  และ LINE OA: @nggjewellery” ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ กล่าวในท้ายสุด

ผศ.ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ประธานในพิธีเปิดหลักสูตรอบรม “ดิจิทัลจั๊มสตาร์ท รุ่นที่ 2” (Digital Jumpstart#2: DJS#2) เพื่อพัฒนาผู้บริหารยุคใหม่ รองรับการพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตกำลังคนดิจิทัล เพื่อเสริมทักษะองค์ความรู้ สร้างความเข้าใจและเปิดมุมมองด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารยุคใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาหน่วยงานหรือองค์กรในอนาคต โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวน 57 ท่าน  ณ โรงแรม เอส31  สุขุมวิท  เมื่อเร็วๆนี้  โดยผู้อำนวยการใหญ่ depa ได้บรรยายพิเศษในหัวข้อ “Digital Agenda for Thailand” พูดถึงสถานการณ์เศรษฐกิจไทย, Technology Disruption รวมถึง Digital skill for All ทักษะดิจิทัลสำหรับทุกคน โดยกล่าวถึง “Thailand Digital Valley” ที่ดันไทยเป็นศูนย์กลางระดับภูมิภาค โครงการ Thailand Digital Valley ในพื้นที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีเริ่มดำเนินการก่อสร้างเมื่อปี 2561 เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเกิดความเปลี่ยนแปลงในการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ขณะเดียวกันนักลงทุนต่างชาติมีโอกาสนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัลเข้ามาทำงานกับคนไทย เพื่อช่วยขับเคลื่อน GDP ของประเทศ และยกระดับรายได้ของประชาชนไทยให้พ้นจากกับดักรายได้ปานกลางด้วยอุตสาหกรรมใหม่ ณ เวลานั้นอย่าง ‘อุตสาหกรรมดิจิทัล’ ที่มีมูลค่าการเติบโตในตลาดโลก ด้วยเทคโนโลยี 5G, AI, Blockchain, Big Data, High Value-added Software, Smart Devices, IoT ฯลฯ การเปิดหลักสูตรนี้ มีการบรรยายจากผู้ทรงคุณวุฒิ 5 ท่าน ได้แก่ ดร.ปรีสาร รักวาทิน ผู้ช่วยผู้อำนวยการ depa และ ผศ.(พิเศษ) ดร.อภิสิทธิ์ ฉัตรทนานนท์ ที่ปรึกษาหลักสูตร Digital JumpStart#2 หัวข้อ “ปฐมนิเทศหลักสูตร Digital JumpStart#2” ดร.นเรนทร์ ชุติจิรวงศ์ ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท ดีลอยท์ ประเทศไทย หัวข้อ “Future Digital Technology and Disruptive Innovation” คุณอุกฤษฎ์ ตั้งสืบกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท เรียลสมาร์ท จำกัด ในหัวข้อ “Why is the biggest issue with Big Data?” และสุดท้ายเป็นการบรรยายจาก รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (องค์การมหาชน) หัวข้อ “Big Data and the 2033 Agenda for Thailand Development”

สำหรับหลักสูตร “ดิจิทัลจั๊มสตาร์ท รุ่นที่ 2” เริ่มอบรมตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม 2567 –  1 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจะมุ่งเน้นในการส่งเสริมทักษะและองค์ความรู้ สร้างความเข้าใจ และเปิดมุมมองด้านเศรษฐกิจดิจิทัล อีกทั้งยังเน้นเทคโนโลยีดิจิทัลที่สำคัญในอนาคต ได้แก่ Digital Big Data, Digital Automation, Digital Connect และ Digital Access และเตรียมความพร้อมให้กับผู้บริหารยุคใหม่ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาหน่วยงานหรือองค์กรในอนาคต ทั้งนี้ ผู้บริหารที่ผ่านการอบรมจะได้รับการพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ควบคู่การเรียนรู้เกี่ยวกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับโลกยุคปัจจุบันและอนาคต ส่งเสริมประสิทธิผลของความรู้และวิสัยทัศน์ ตลอดจนทักษะที่สำคัญในการบริหารจัดการที่จะมีส่วนช่วยในการปรับเปลี่ยนองค์กรเข้าสู่ยุคดิจิทัล

พร้อมกันนี้ ผู้เข้าร่วมอบรมทั้งจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนจำนวน 57 ท่าน  คือ นายกวิน นิติมนตรี บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) นายกษมวัต เจิมรังษี บริษัท ฑี คอร์ปเปอเรชั่น จำกัด นางสาวจารุวรรณ แก้วบัวเงิน บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด นางสาวจิดาภา จันทร์ทอง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด นายจุลนภ ศานติพงศ์ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล นายชนม์วรรธน์ งามเลิศประเสริฐ บริษัท เอวาเบิลเซค จำกัด นางสาวชนากานต์ ธิติไชยวัฒน์ สำนักงานจังหวัดนครปฐม นายชลนท ศุภฤกษ์รัตน์ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) นายชัยวัฒน์ คารวะพิทยากุล กรมการแพทย์ นายชินวัฒน์ อัศวชัยโสภณ บริษัท สยาม คีนิค เซลส์ จำกัด นายเชาวลิต อินทร์จันทร์ การท่าเรือแห่งประเทศไทย นายไชยณรงค์ สุวรรณทวิทย์ บริษัท ยิบอินซอย จำกัด รศ.ดร.ณัฐพล จันทร์พาณิชย์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ศรีราชา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตศรีราชา นางสาวณิศรา จันทรประทิน สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) พ.อ.ไท ชาญกล กรมยุทธการทหารบก กองทัพบก ดร.ธนเดช ธนากรวรกิจ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นางสาวธัญญสินี ศิลปโสภณ บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด พ.ต.ท.ธัญตุรงค์ วุฒิวงศ์ สถานีตำรวจภูธรเมืองภูเก็ต นางสาวธิพาพร ชั้นอินทร์งาม บริษัท สหวิริยาสตีล อินดัสตรี จำกัด (มหาชน) ผศ.พญ.ธีรดา จันทร์ดี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ นายธีรศักดิ์ ไชยหาญ บริษัท เรดดอท ดิจิตอล จำกัด นางสาวนฤมล ศรีวิชัย สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) นางสาวนวรัตน์ พรหมศรีโชติ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด นางสาวนิชานันท์ สุนทรัตน์  บริษัท เอ็กซ์เพิร์ท พรีโม่ จำกัด นาง นิดา เลี่ยนพานิช การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผศ.ดร.ปฏิภาณ แซ่หลิ่ม บัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) พ.ต.อ.ปพนพัชร์ ใบยา  สถานีตำรวจภูธรแหลมฉบัง ดร.ภก.ปริญญ์ จักรสมิทธานนท์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด นางสาวปิยาภา ปิยนนทยา บริษัท 383 จำกัด นายพงศ์วราวุฑฒิ หมื่นยุทธิ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี

นายพงษ์ศักดิ์ แก้วแสนเมือง สำนักงานจังหวัดเชียงใหม่ นายพัฒน์พินิจ อุส่าห์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นายพัฒนา วัฒนากร การประปาส่วนภูมิภาค นางสาวพิชญา จันทร์วณิชพันธุ์ บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด นางสาวพิชามญชุ์ จันทรภักดี บริษัท อินเทลเล็คชวล ดีไซน์ กรุ๊ป จำกัด นายพิสิฐไชย สุวรรณเรือง บริษัท เอสพีสมาร์ทแพลนท์ จำกัด นายแพทย์พีรพัฒน์ ต่างใจ บริษัท เอนี่เพย์ จำกัด นายภาคภูมิ พัฒนเศรษฐานนท์ หอการค้าจังหวัดขอนแก่น นางสาวภูรศา มุทธสกุล บริษัท รูม แฟคทอรี่ จำกัด นางสาวมรรษพร กรรณสูต สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน นางสาวรติรส วัลภา บริษัท ทัช เทคโนโลยี จำกัด นางสาวรัชนีวรรณ ปานบุตร บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด รศ.ดร.รัตนโชติ เทียนมงคล มหาวิทยาลัยมหาสารคาม นายลักษ์มัญราม ทิวาตรี บริษัท ซิสทรอนิกส์ จำกัด ดร.วรชัย วงษ์เจริญ บริษัท ซี.ดับบลิว กรุ๊ป (2565) จำกัด นายวรปรัชญ์ อินทนิล กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ นายวศวิศว์ ปุณณะสุขขีรมณ์ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย แพทย์หญิงวีริศา วิมลเฉลา โรงพยาบาลศรีสวรรค์ กรุงเทพมหานคร นายศุภกิจ เถียรศิริวรรณ บริษัท สตรีม ไอ.ที. คอนซัลติ้ง จำกัด นายศุภชัย  ธรรมศิริ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร นายสรรเพ็ชญ ศรีสวัสดิ์ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายสรายุทธ ทองน้อย กรมการข้าว ผศ.ดร.สุธาทิพย์ มณีวงศ์วัฒนา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) นายอนวัฒน์ วิริยะพรพิพัฒน์  บริษัท 100 โปร จำกัด นายอรรถกร วิริยานุภาพ บริษัท วัน ออเทน จำกัด นายอรรถสิทธิ์ อ่อนโพธา บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

         เทศกาลออกพรรษาเป็นหนึ่งในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศร่วมใจทำบุญสืบสานวัฒนธรรมไทย  นอกจากจะเป็นวันที่พระภิกษุสงฆ์ สิ้นสุดการจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน หลังจากการปฏิบัติธรรมอย่างเข้มงวดแล้ว  ยังเป็นโอกาสที่ชาวพุทธจะได้ร่วมทำบุญตักบาตรเทโว ถวายกฐิน และบำเพ็ญกุศลในรูปแบบต่างๆ   

ในโอกาสนี้ เพื่อร่วมส่งเสริมและสืบสานพุทธศาสนา บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยางรถยนต์ภายใต้แบรนด์ “POP” นำโดย นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ และ นางสาวชัญญา
ยงเห็นเจริญ พร้อมด้วยพนักงานจิตอาสาได้ร่วมกันจัดกิจกรรม “ชลิต อินดัสทรี สืบสานพุทธศาสนา ร่วมใจทำบุญทำความสะอาดวัด” ณ วัดวิสุทธิวราวาส (วัดกลางคลอง) ต.พันท้ายนรสิงห์ จ.สมุทรสาคร เมื่อเร็วๆนี้

         นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยางรถยนต์รายใหญ่ของไทย ภายใต้แบรนด์ “POP” เปิดเผยว่า  บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมพุทธศาสนาและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของไทย   ซึ่งการจัดกิจกรรมโครงการ “ชลิต อินดัสทรี สืบสานพุทธศาสนา ร่วมใจทำบุญทำความสะอาดวัด”  เนื่องในเทศกาลออกพรรษา  เป็นการสืบสานประเพณีและวัฒนธรรมอันดีงามของไทย พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้พนักงานได้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางศาสนาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีภายในองค์กร ถือเป็นการสั่งสมบุญและการสร้างความสามัคคีร่วมกัน

กิจกรรมในครั้งนี้ ประกอบด้วย การร่วมทำบุญกฐินสามัคคี  ถวายหลอดไฟ  เครื่องอุปโภค-บริโภค  รวมถึงยารักษาโรค และเครื่องจตุปัจจัยไทยทานแด่พระภิกษุสงฆ์  โดยมี พระครูสังฆรักษ์ วันชัย ธมฺมิโก เจ้าอาวาส วัดวิสุทธิวราวาส รับมอบเพื่อใช้ในการดำเนินกิจการของวัดต่อไป

นอกจากนี้ พนักงานของบริษัทฯ ยังร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสาร่วมใจกันทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์  เช่น กวาดลานวัด เช็ดกระจกพระอุโบสถ ขัดพื้น และทำความสะอาดห้องน้ำ เพื่อทำนุบำรุงศาสนสถานให้สะอาดและสวยงาม

ทั้งนี้ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอะไหล่ยางรถยนต์รายใหญ่ของไทย ภายใต้แบรนด์ “POP”  อะไหล่ยานยนต์คุณภาพสูง มาตรฐานสากลโดยฝีมือคนไทย  ได้รับรองมาตรฐานระบบบริหารงานด้านคุณภาพสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ การรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO9001) และใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว จนได้รับความไว้วางใจอย่างกว้างขวางจากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ ช่วยสร้างงานให้คนในชุมชนมีงานทำ พร้อมตอบแทนสังคม ด้วยการเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนกิจกรรมขององค์กรต่างๆ เพื่อการพัฒนาสังคมและชุมชนอย่างต่อเนื่อง  อาทิ  โครงการ “ชลิต อินดัสทรี สานต่อก่ออาชีพช่าง” เพื่อโรงเรียนพระดาบส มูลนิธิพระดาบส และ โครงการ “ชลิต อินดัสทรี รวมพลังจิตอาสาบริจาคโลหิต” เป็นต้น

          หน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand: ENZ) สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ ชวนเปิดประสบการณ์ใหม่ซัมเมอร์นิวซีแลนด์ เรียนรู้ทั้งในและนอกห้องเรียน เพื่อให้น้องๆได้ฝึกทักษะชีวิต พร้อมการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตจริง 24 ชั่วโมงในปิดเทอมฤดูร้อนนี้

รายงานข่าวจากหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ (Education New Zealand: ENZ) แจ้งว่า โครงการเรียนซัมเมอร์นิวซีแลนด์ New Zealand Summer Camp 2025 ประกาศเปิดรับสมัครแล้ว สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองที่สนใจให้น้องๆไปเรียนซัมเมอร์นิวซีแลนด์ New Zealand Summer Camp 2025 หลักสูตรพัฒนาภาษาอังกฤษระยะสั้นในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ช่วยให้น้องๆได้เปิดประสบการณ์เรียนรู้มากมายทั้งในและนอกห้องเรียน สำหรับน้องๆเยาวชนไทยอายุ  11-17 ปี เรียนระยะสั้นตั้งแต่ 3 – 10 สัปดาห์ ในช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน เริ่มเรียนตั้งแต่เดือนมีนาคม และเมษายน 2568 ไปจนถึงเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2568  (ขึ้นอยู่กับหลักสูตรของแต่ละโรงเรียน) มีเมืองและระยะเวลาให้เลือกมากมาย สามารถเลือกเรียนได้หลายจุดหมายปลายทาง โดยจะเป็นการเรียนในห้องเรียนจริงๆ ที่มีวิชาเลือกโค๊ดดิ้ง วิชาคอมพิวเตอร์ วิทยาศาสตร์ รวมทั้งศิลปะต่างๆ รวมทั้งกิจกรรมนอกห้องเรียนมากมาย เช่น การเล่นหิมะ หรือท่องเที่ยวธรรมชาติวิวสุดอลังการของนิวซีแลนด์ ที่มีอากาศบริสุทธิ์ อาหารอร่อยจากวัตถุดิบที่สดและมาจากธรรมชาติของนิวซีแลนด์ ความปลอดภัยที่เป็นที่หนึ่ง และนักเรียนและประชาชนนิวซีแลนด์ที่มีมิตรไมตรี พร้อมต้อนรับนักเรียนไทยทุกคน

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดโปรแกรมกับตัวแทนแนะแนวการศึกษาชั้นนำที่ได้เข้าร่วมจัดโครงการ New Zealand Summer Camp ร่วมกับหน่วยงานการศึกษานิวซีแลนด์ สถานเอกอัครราชทูตนิวซีแลนด์ประจำประเทศไทย

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.learnenglishnewzealand.com/nzsummer หรือสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Line@:  @nzenglish

          NGG JEWELLERY อาณาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติ เพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา รุกหนักไตรมาสสุดท้ายของปี 2567 เดินหน้าขยายสาขาต่อเนื่องให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และครอบคลุมทุกการเข้าถึงของกลุ่มลูกค้า ดีเดย์เปิด 2 สาขาสาขาคือ 1.) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต และ2.) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม เผยภูเก็ตและนครปฐมคือทำเลทองในการทำธุรกิจ ด้วยศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจและมีอำนาจการซื้อสูง เป็นเมืองลักชัวรีไลฟ์สไตล์ของคนมีเงินจากทั่วโลก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เศรษฐีไทย-เทศ มั่นใจจะส่งผลให้ยอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยคุณภาพสินค้าภายใต้แบรนด์ NGG JEWELLERY ชูจุดแข็งครบวงจร…

          นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ“NGG JEWELLERY” (NGG : natural glamour gift) เปิดเผยว่า เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับอาณาจักร NGG  บริษัทได้มีนโยบายในการมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าและขยายสาขา “NGG JEWELLERY” ให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเครื่องประดับแท้ ทั้งเพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา นับเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่จำหน่ายสินค้าครบวงจรทั้ง 3 อุตสาหกรรม ทองคำ  เครื่องประดับ และนาฬิกา แบรนด์ชั้นนำของโลก ที่ได้รับความไว้วางใจและอยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี มีกระบวนการตรวจสอบคุณภาพ 100% ภายใต้การบริหารมืออาชีพทั้งประสบการณ์และความรู้ตามมาตรฐานสากล จึงทำให้จำหน่ายสินค้าคุณภาพระดับเวิลด์คลาสในทุกมิติ

ทั้งนี้ ในปีนี้ 2567 บริษัทได้วางงบประมาณการตลาดไว้กว่า 300 ล้านบาท สำหรับขยายสาขา 5 สาขา ทั้งนี้ถ้ารวมสาขาเดิมของ NGG  มีกว่า 20 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศและเข้าถึงกลุ่มลูกค้ามากขึ้น สำหรับสาขาล่าสุดที่เปิด มี 2 สาขาคือ 1.) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต และ 2.) ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม โดยเรามองว่าทั้งภูเก็ตและนครปฐมคือทำเลทองในการทำธุรกิจ ด้วยศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจและยังมีอำนาจการซื้อที่สูงมาก  เป็นที่ทราบอยู่แล้ว่าภูเก็ตเอง เป็นเมืองลักชัวรีไลฟ์สไตล์ของคนมีเงินจากทั่วโลก เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์เศรษฐีไทย-เทศ ได้อย่างตรงโจทย์ สินค้าประเภทแบรนด์เนมหรู สินค้าลักชัวรีต่างก็ขายดี ทางเซ็นทรัล ภูเก็ต เองก็มีการขยายแบ่งพื้นที่โซนหรูเพิ่มอย่างต่อเนื่องถึง 4 เท่าในปี 2026 เพื่อรองรับการขยายพื้นที่ช็อปเพิ่มของหลายแบรนด์ และแบรนด์ใหม่จ่อคิวมาลงอีกหลายแบรนด์ ต่างก็มองเห็นศักยภาพและกำลังซื้อมหาศาลของผู้บริโภคในภูเก็ต

และในส่วนของนครปฐมเอง ก็มีกำลังซื้อไม่แพ้กัน เรียกว่าเป็นประตูสู่ภาคตะวันตก เมืองที่มีศักยภาพด้านเศรษฐกิจ ศิลปะ และท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง..เป็นจังหวัดที่มีเมกะโปรเจ็กต์ภาครัฐหลายโครงการ อาทิ รถไฟฟ้าชานเมือง ระเบียงเศรษฐกิจภาคกลาง-ตะวันตก ด้านการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรม ซึ่งนครปฐม เป็น ประตูเศรษฐกิจสู่ภาคตะวันตก ที่รองรับกำลังซื้อจากคนนครปฐม และขยาย New Catchment ไปยังราชบุรี และกาญจนบุรีอีกด้วย ดังนี้การที่เราขยายสาขา NGG JEWELLERY ขึ้นที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครปฐม ในครั้งนี้ ทำให้เรามีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดีเช่นกัน

เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการเปิด 2 สาขาใหม่ของ NGG JEWELLERY บริษัทฯ จึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษและแคมเปญต่างๆ เพื่อตอบแทนลูกค้าทุกท่าน รวมถึงกิจกรรมการสื่อสารอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างความมั่นใจให้ลูกค้า ผ่านการสื่อสารทั้ง offline และonline  ทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง ผ่านสาขาของNGG ที่มากกว่า 20 สาขาที่ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อจะช่วยเสริมภาพลักษณ์ของNGG ให้เข้าไปอยู่ในใจลูกค้าทุกคน ในทุกๆ กลุ่มเป้าหมาย ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญสำหรับ NGG ที่เราสามารถส่งเสริมและสร้างยอดขายให้เติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วย

พร้อมกันนี้ NGG JEWELLERY ยังมีสินค้ามากมายให้เลือกไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ NGG Jewellery, อาทิ  CHARMMY, TARIZ, 24K Jewelry, GEMALYN, ZOULLINK, GEMRARITY, DIAMOND TODAY เป็นต้น โดยท่านสามารถเลือกชมและเลือกซื้อสินค้าได้ที่สาขาต่างๆ อาทิ เซ็นทรัลเวิลด์ , เซ็นทรัล ระยอง, เซ็นทรัล เชียงใหม่ , เซ็นทรัล นครสวรรค์ ,  เซ็นทรัล อยุธยา,  เซ็นทรัล ศรีราชา, ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต,
จังซีลอน ภูเก็ต, เซ็นทรัล เวสต์วิลล์ (Westville)  และ เซ็นทรัล พระราม2   เซ็นทรัล นครปฐม  เซ็นทรัล ภูเก็ต เป็นต้น รวมทั้งช่องทางการจำหน่ายสินค้ามีหน้าสาขาทั้งหมด  อีกทั้งยังมีด้าน Online เช่น ทาง website NGG ,  Shopee ,  Lazada และ All online เป็นต้น ให้ครอบคลุมทุกช่องทางการจำหน่ายและบริการแบบครบวงจรทั่วประเทศ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์  สำหรับท่านที่สนใจ สามารถสั่งซื้อสินค้าและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร 02- 821-5983 เว็บไซต์ www.nggjewellery.com  Facebook: NGG Jewellery  และ LINE OA: @nggjewellery  ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ กล่าวในท้ายสุด

          นายชวิศ ยงเห็นเจริญ (ที่ 3 จากขวา)  กรรมการผู้จัดการ  และ นางมนัสนันท์ เปรมพุฒิพันธ์ (กลาง) กรรมการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนประกอบรถยนต์และอะไหล่ยาง ภายใต้แบรนด์ “POP”  ให้การต้อนรับ ผศ.ดร.พร้อมพงษ์ ปานดี (ที่ 2 จากขวา) ร่วมด้วย อ.เจษฎา จันทวงษ์โส (ขวาสุด) และ ดร.สุริยพงศ์ นิลสังข์ (ซ้ายสุด) อาจารย์จากภาควิชาวิศวกรรมอุตสาหการ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยี พระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เข้าเยี่ยมชมและตรวจนิเทศสหกิจศึกษา ที่บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ซึ่งเป็นความร่วมมือในโครงการร่วมพัฒนาบุคลากรและนักศึกษาเพื่อวิชาการและอุตสาหกรรม ในการถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการของบุคลากรมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีที่มีความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรม และการถ่ายทอดเทคโนโลยีภาคอุตสาหกรรมของทางบริษัทฯ ณ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด บางแค เมื่อเร็วๆนี้

NGG JEWELLERY  เปิดคอลเลคชั่นใหม่ Be Paris Collection เครื่องประดับสุดหรูที่ออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงการเดินทางสู่ความเป็นเลิศและชัยชนะ ELLE x Gemalyn ตอกย้ำความยิ่งใหญ่ ของอาณาจักรเครื่องประดับแท้ งานนี้ได้สะท้อนจิตวิญญาณ รังสรรค์ออกมาเป็นเครื่องประดับที่สัมผัสได้ถึงความสุขและความที่สำเร็จที่แท้จริง และได้รับความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน ชูจุดเด่นที่เป็นมากกว่าเครื่องประดับ สัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจ พร้อมฉลองความสำเร็จของนักกีฬา ที่ผสานแรงบันดาลใจกับความงดงามของอัญมณีลํ้าค่า ดีไซน์ 2 คอนเซป คือ Le Artre (เลอ อาร์ต) สัญลักษณ์ดาว สื่อถึงความมุ่งมั่นและความฝัน และ D’olivier (เดอ โอลิเวีย) สัญลักษณ์ช่อมะกอก สื่อถึง สันติภาพ และชัยชนะอันยิ่งใหญ่ เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มุ่งมั่น ไล่ตามความฝันและไม่เคยยอมแพ้ จำหน่ายแล้วที่ NGG JEWELLERY  ทุกสาขาทั่วประเทศและช่องทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม

        นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ“NGG JEWELLERY” อาณาจักรเครื่องประดับแท้ของขวัญจากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับ เปิดเผยถึงคอลเลคชั่นล่าสุด “Be Paris Collection” เครื่องประดับที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อสะท้อนถึงการเดินทางสู่ความเป็นเลิศและชัยชนะ คอลเลคชันใหม่จาก ELLE x Gemalyn  นับเป็นการคอลาบอเรชั่นกับแบรนด์แฟชั่นไลฟ์สไตล์ปารีเซียง จากฝรั่งเศสขวัญใจสาวๆ อย่าง ELLE โดยอิงจากโลกที่เต็มไปด้วยความฝันและแรงบันดาลใจ สัมผัสได้ถึงความสุขและความสำเร็จที่แท้จริง “Be Paris Capsule Collection ของแบรนด์ Gemalyn ออกแบบมาให้เป็นมากกว่าเครื่องประดับ แต่เป็นสัญลักษณ์ของแรงบันดาลใจและความสำเร็จ

“Be Paris Collection” เป็นคอลเลคชั่นเครื่องประดับสุดเอ็กคลูซีฟ  ที่ออกแบบมาเพื่อเฉลิมฉลองชัยชนะแห่งความสำเร็จของนักกีฬา ผสมผสานแรงบันดาลใจจากจิตวิญญาณผู้ชนะเข้ากับความงดงามของอัญมณีลํ้าค่า ดีไซน์มาด้วยกันทั้งหมด 2 คอนเซป ได้แก่ Le Artre (เลอ อาร์ต) สัญลักษณ์ดาว สื่อถึงความมุ่งมั่นและความฝัน และ D’olivier (เดอ โอลิเวีย) สัญลักษณ์ช่อมะกอก สื่อถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มุ่งมั่นไล่ตามความฝัน และไม่เคยยอมแพ้ “Be Paris” คือเครื่องประดับที่ไม่ได้เพียงแค่ความสวยงามแต่เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลองและบรรลุในทุกๆ ความฝัน

NGG JEWELLERY ต้องการสร้างแบรนด์ให้โดดเด่นและแตกต่าง BE PARIS UNIQUE SELLING POINT เพื่อครองใจกลุ่มเป้าหมายโดยมีแรงบันดาลในการออกแบบ 4 อย่างคือ

1.) สัญลักษณ์ของความเป็นเลิศ โดยได้แรงบันดาลใจจากการแข่งขันกีฬาในการทำงานซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จและความมุ่งมั่นที่ไม่มีที่สิ้นสุด สื่อความหมายผ่านอัญมณี: อัญมณี Diamond Sapphire และ Ruby ในเฉดสีนํ้าเงินและแดง ถูกนำมาใช้เพื่อสื่อถึงความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่น และความสำเร็จที่เหนือกว่าความคาดหวัง

2.) ประสบการณ์ที่มากกว่าเครื่องประดับ เพราะทุกชิ้นงานเป็นสัญลักษณ์ที่เตือนให้ระลึกถึงการเดินทาง และความสำเร็จในชีวิตของผู้สวมใส่ ด้วยการออกแบบที่พิถีพิถันและละเอียดอ่อนเพื่อสิ่งถึงความเป็นผู้ชนะ สร้างความมั่นใจและเชื่อมั่นให้ผู้สวมใส่

3.) การผสมผสานศิลปะและความสง่างาม จากงานฝีมือชั้นเลิศที่รังสรรค์เครื่องประดับด้วยความประณีตและความใส่ใจในทุกรายละเอียด ให้เปล่งประกายด้วยความสง่างามและความหรูหรา ไม่เหมือนใคร ด้วยการใช้สัญลักษณ์เฉพาะตัว เช่น ช่อมะกอกและดวงดาว ที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์

4.) การเฉลิมฉลองชัยชนะในทุกๆ วันไม่ว่าจะเป็นชัยชนะที่ยิ่งใหญ่หรือเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เพื่อสื่อถึงความฝันและความหวังอย่างที่ไม่มีที่สิ้นสุด เหมือนกับแสงดาวที่เปล่งประกายในท้องฟ้ายามคํ่าคืน

พร้อมกันนี้  “Be Paris Collection” คอลเลคชันใหม่จาก ELLE x Gemalyn  ผลิตจากทองคำคุณภาพสูง 18K สำหรับงานเครื่องประดับฝังพลอย และเพชร เพราะมีมูลค่าในตัวเองสูง และที่สำคัญมีความแข็งแรง เหมาะกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน จุดแข็งคือแหล่งที่มาของพลอย Sapphire (ไพลิน) และ Ruby (ทับทิม) จากแอฟริกามีคุณภาพเดียวกับงาน Hi-end Brand โดดเด่นเรื่องการไล่สีพลอย Sapphire หลากหลายเฉดสี ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ Gemalyn มาพร้อมกับฝีมืออันปราณีตในการเจียระไนแบบเหลี่ยมต่อเหลี่ยมแบบสมมาตร ทำให้อัญมณีเปล่งประกายอย่างสูงสุดจากช่างชำนาญของ Gemalyn โดยเฉพาะ (เกรดการเจียระไนเดียวกับงานแบรนด์นาฬิกาชั้นนำของโลก) มั่นใจได้ว่าอัญมณีทุกเม็ดเป็นของแท้เพราะเรามีการตรวจสอบอัญมณีทุกเม็ดผ่าน Lab ที่มาตรฐานนั่นเอง

ท่านที่สนใจคอลเลคชันใหม่นี้ได้วางจำหน่ายแล้วที่ NGG JEWELLERY มีหลากหลายดีไซน์ให้เลือก เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มุ่งมั่น ไล่ตามความฝันและไม่เคยยอมแพ้ โดยทุกท่านสามารถร่วมสัมผัสความพิเศษคอลเลคชั่นใหม่จาก ELLE x Gemalyn ได้แล้ววันนี้ที่ NGG Jewellery อาณาจักรเครื่องประดับ ทอง เพชร อัญมณี และนาฬิกา ทุกสาขาทั่วประเทศไทย หรือสามารถสั่งซื้อและสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://nggjewellery.com/collection/basic-line-gemstones  Facebook: Gemalyn Jewelery และ LINE OA: @Gemalyn Jewelry

H.E. Mr. Jonathan Kings (5th from left), New Zealand Ambassador to Thailand, officially opened the New Zealand Education Fair 2024, a significant event featuring 60 leading educational institutions from New Zealand. The fair highlighted diverse program offerings for prospective students. Key participants included Ms. Chortip Pramoolpol (7th from left), Education New Zealand (ENZ) Country Director for the Philippines and Thailand, and Ms. Jaruwan Phongjaruwat (2nd from left), ENZ Director of Education at the New Zealand Embassy.

The event also celebrated remarkable alumni achievements, with Mr. Adis Israngkura (4th from left), Mrs. Chompan Kulnides (3rd from left), and Ms. Nichapalak Thongkham (8th from left) receiving the prestigious New Zealand Alumni Hall of Fame 2024 Award. Thank you to all who attended at Samyan Mitr-Town Hall 2. For more information about studying in New Zealand, visit www.studywithnewzealand.govt.nz

          WeMove แพลตฟอร์มจองรถขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ผู้นำด้านความหลากหลายของบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการขนส่งสินค้าของลูกค้า ประกาศจับมือ “POP” อะไหล่ยานยนต์คุณภาพสูง มาตรฐานสากลโดยฝีมือคนไทย ซึ่งผลิตและจัดจำหน่าย โดยบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการขนส่งภายในประเทศมีความรู้และได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์จากผู้ผลิตโดยตรง เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการ ภายใต้การสื่อสารที่มีประโยชน์ร่วมกัน  อาทิ การจัดสัมมนา การฝึกอบรม การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์มากที่สุด เผย 2 ผสานจุดแข็งร่วมกัน พร้อมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ระหว่างผู้ประกอบการขนส่ง และผู้ผลิตเพื่อยกระดับ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันสู่การพัฒนาธุรกิจที่ยั่งยืน

          ดร.ปิยะนุช สัมฤทธิ์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง (Founder) บริษัท วีมูฟ แพลตฟอร์ม จำกัด ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด้วยระบบแพลตฟอร์มเชื่อมเครือข่ายผู้ขนส่งมืออาชีพทั่วประเทศ มีความมุ่งมั่นนำเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการขนส่ง เพื่อให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคของ Digital Disruption  และยังเป็นผู้นำด้านความหลากหลายของบริการที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการขนส่งสินค้าของลูกค้า   ล่าสุดบริษัท วีมูฟ ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)  กับ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย   “POP” อะไหล่ยานยนต์คุณภาพสูง มาตรฐานสากลโดยฝีมือคนไทย เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่งภายในประเทศมีความรู้และได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและมีประโยชน์จากผู้ผลิตโดยตรง เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน

“ทั้งนี้ นับเป็นการรวมจุดแข็งของทั้ง 2 บริษัท คือ บริษัท วีมูฟ แพลตฟอร์ม จำกัด และบริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด  ที่จะช่วยตอบสนองความต้องการของลูกค้าและปิด Painpoints ของการให้บริการให้ดียิ่งๆขึ้น  โดย  “วีมูฟ (WeMove)” เป็นมาร์เก็ตเพลสที่ให้บริการขนส่งแบบครบวงจรบนเว็บไซต์ เชื่อมโยงผู้ใช้บริการขนส่งสินค้า (Shipper) กับผู้ประกอบการขนส่งสินค้า (Carrier) ด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีทันสมัย  วีมูฟ (WeMove) มีบริการที่หลากหลายคลอบคลุมตอบโจทย์ทุกความต้องการด้านการขนส่งสินค้าของลูกค้าทั่วประเทศ  โดยมีรถบรรทุกขนส่งทุกประเภทตั้งแต่ รถ 4 ล้อ จนถึง 22 ล้อ ซึ่งวีมูฟ มีเครือข่ายผู้ประกอบการขนส่งและรถขนส่งที่ร่วมให้บริการบนเครือข่ายวีมูฟ แพลตฟอร์ม อยู่มากกว่า 7,000 คันทั่วประเทศ  โดยให้บริการทั้งแบบเหมาคันหรือเต็มคัน (Full Truck Load)  และให้บริการฝากส่ง หรือแบบไม่เต็มคันรถ (Shared Truck Load)”  ดร.ปิยะนุช กล่าวและเสริมว่า

ดังนั้น การที่ “วีมูฟ (WeMove)” ผสานความร่วมมือกับ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่าย  “POP” แบรนด์อะไหล่ยานยนต์คุณภาพสูงมาตรฐานสากลโดยฝีมือคนไทย ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการผลิตและจำหน่ายอะไหล่ทดแทนและอะไหล่ยางสำหรับใช้ในรถยนต์ทุกชนิดแบบครบวงจร เพื่อร่วมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนส่งภายในประเทศมีความรู้และได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและมีประโยชน์จากผู้ผลิตโดยตรง อีกทั้งยังช่วยให้ผู้ประกอบการขนส่ง สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพ และประหยัดค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษารถขนส่งให้มีประสิทธิภาพพร้อมให้บริการอยู่เสมอ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการขนส่ง

          ด้าน นายชวิศ ยงเห็นเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชลิต อินดัสทรี จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีความเชี่ยวชาญในการผลิตและจำหน่ายอะไหล่ทดแทนและอะไหล่ยางสำหรับใช้ในรถยนต์ทุกชนิดแบบครบวงจร ที่มีประสบการณ์มานานมากกว่า 30 ปี การร่วมมือกับ “วีมูฟ (WeMove)” นับเป็นการส่งเสริมธุรกิจร่วมกัน โดยนำจุดแข็งทั้ง 2 บริษัทมาส่งเสริมซึ่งกันและกัน ทั้งในเรื่องการสื่อสารข้อมูลที่มีประโยชน์ร่วมกันประสานและแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆ จัดกิจกรรมการสื่อสารและแลกเปลี่ยนข้อมูล เช่น การจัดสัมมนา การฝึกอบรม การสื่อสาร และการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อออนไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) เพื่อให้ผู้ประกอบการขนส่งได้รับข้อมูลที่ทันสมัยและเป็นประโยชน์จากผู้ผลิตโดยตรง นับเป็นการสร้างแนวทางความร่วมมือในการพัฒนาและกำหนดแนวทางการทำงานร่วมกัน ระหว่างบริษัททั้งสองเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการขนส่งภายในประเทศ ตลอดจนแลกเปลี่ยนข้อมูล รูปภาพ และเอกสารประกอบอื่นๆ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ตามบันทึกข้อตกลง อีกทั้งยังสร้าง – พัฒนาความสัมพันธ์ที่ดี และระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ระหว่างผู้ประกอบการขนส่งและผู้ผลิตเพื่อยกระดับ  เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ประกอบการขนส่งสินค้าด้วยรถบรรทุก ตั้งแต่ประเภทรถ 4 ล้อ จนถึง 22 ล้อ

เป็นที่ทราบกันดีว่า “POP” คืออะไหล่ยานยนต์คุณภาพสูง ซึ่งมีทั้งชิ้นส่วนอะไหล่ประเภททดแทน หรือ REM (Replacement Equipment Manufacturers) มีจุดแข็งที่โดดเด่นการผลิตชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อการทดแทนชิ้นส่วนที่เสียหรือสึกหรอ รวมถึงการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนเพื่อส่งโรงงานรถยนต์โดยตรง หรือ OEM (Original Equipment Manufacturers) รองรับความต้องการของผู้ใช้งานมากกว่า 5,000 รายการ ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถกระบะ รถเพื่อการพาณิชย์ รถบรรทุก รถญี่ปุ่น รถยุโรป รวมทั้งการผลิตตามความต้องการของลูกค้าโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ลูกค้าได้สินค้าที่ตอบโจทย์ต่อการใช้งานและพึงพอใจมากที่สุด

พร้อมกันนี้ “อะไหล่ทุกชิ้นของ REM มีคุณภาพมาตรฐานเดียวกับ OEM ซึ่งมีการปรับปรุงพัฒนามาตรฐานให้ดีขึ้นและทันสมัยอยู่ตลอด โดยใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีใหม่ๆ ส่งผลให้อะไหล่ “POP” เป็นผลิตภัณฑ์ไทยคุณภาพที่ได้รับตราสัญลักษณ์  Thailand Trust  Mark (T MARK) ระบบบริหารงานด้านคุณภาพสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ (IATF 16949: 2016 Automotive Quality Management System Standard) การรับรองมาตรฐานระบบบริหารงานคุณภาพ (ISO9001) และใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว เป็นต้น นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญในเรื่องการบริการที่รวดเร็วและบริการหลังการขาย สินค้ามีสต๊อกไว้ตลอด เรียกว่า Ready To Ship พร้อมส่ง มีความรวดเร็วในการจัดส่ง และพร้อมซัพพอร์ตลูกค้าเมื่อมีปัญหา  การร่วมมือกันในครั้งนี้จะเป็นประโยชน์โดยตรงกับกลุ่มลูกค้า เพราะการแลกเปลี่ยนข้อมูลการสื่อสารได้ตรงกลุ่ม จะช่วยสร้างความเข้าใจได้ชัดเจน และมีโปรโมชั่นทางการตลาดที่เหมาะสม มั่นใจได้ว่าลูกค้าซึ่งเป็นผู้ประกอบการขนส่งจะได้การตอบรับอย่างดีแน่นอน” นายชวิศ กล่าวในท้ายสุด

         บจ.เอ็นจีจี เทรด ประกาศรุกตลาดครึ่งปีหลังเต็มสปีค เดินหน้ารุกธุรกิจ “Supply Chain Finance” จับมือ ธนาคารกรุงเทพ ให้บริการทางการเงินออนไลน์ครบวงจร ตอบโจทย์เครือข่ายผู้ค้าทอง ชูจุดเด่นที่แตกต่าง ครบครันด้วยสินค้ากลุ่มทองคำและเครื่องประดับ  ส่งผลตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว พร้อมชูวงเงินสินเชื่อเสริมสภาพคล่องเต็ม 100  มูลค่าซื้อทองคำ จัดดอกเบี้ยสุดพิเศษ แถมเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น เบิกใช้วงเงินได้เองแบบเรียลไทม์ โอกาสทองของนักลงทุน ทันเวลา สะดวก ง่าย เบิกถอนได้ทุกที่ทุกวัน เน้นความปลอดภัยขั้นสูงสุดระดับสากลต่อยอดอุตสาหกรรมทองคำเติบโตอย่างแข็งแกร่ง  คาดว่าจะขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 30%

         นายธนาศักดิ์ ทรัพย์หิรัญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นจีจี เทรด จำกัด เปิดเผยว่า NGG Trade ผู้นำเข้าและส่งออกอุตสาหกรรมทองคำและเครื่องประดับ รายใหญ่อันดับต้นของไทยด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่า 40 ปี ล่าสุดจับมือกับธนาคารกรุงเทพ เพื่อให้บริการ ‘Supply Chain Finance’ สนับสนุนและต่อยอดโอกาสทางธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมากขึ้น โดยบริษัทฯ มีจุดเด่นที่ครอบคลุมสินค้าด้านทองคำ และเครื่องประดับอยู่แล้ว จึงส่งผลตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งสินค้าและบริการได้อย่างรวดเร็ว  ซึ่งตรงกับนโยบายที่มุ่งเน้นการให้บริการอย่างครบวงจร มี Innovation หรือนวัตกรรมใหม่ๆตลอดเวลาในแวดวงอุตสาหกรรมทองคำและเครื่องประดับ ตอบโจทย์ลูกค้าทุกประเภททั้งออนไลน์และออฟไลน์ ด้วยธุรกิจที่ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ มีตั้งแต่โรงงาน หน้าร้านในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญฯ ทั้งด้านทองคำแท่งเพื่ออุตสาหกรรม หรือเพื่อการลงทุน และขยายความร่วมมือด้านธุรกิจกับหลากหลายสถาบันการเงินและผู้นำในอุตสาหกรรมทองคำต่างๆในอาเซียนอีกด้วย

“ดังนั้น การร่วมมือกับธนาคารกรุงเทพครั้งนี้จะช่วยเสริมศักยภาพทางการเงินให้กับคู่ค้าร้านทองของบริษัทที่จำเป็นต้องมีเงินทุนสำรองจำนวนมาก เอ็นจีจี เทรด ต้องการสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียน(Working capital)ให้กับร้านทองที่เป็นคู่ค้าของ เอ็นจีจี เทรด ด้วยดอกเบี้ยพิเศษ โดยเราได้รับการสนับสนุนด้านผลิตภัณฑ์ทางการเงินนี้จากธนาคารกรุงเทพ ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับ SME ในอุตสาหกรรมนี้ ให้พร้อมเข้าลงทุนคว้าโอกาสทางธุรกิจได้อย่างทันท่วงทีและทำให้ธุรกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้  บริษัทมั่นใจว่าจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัทในด้านการพัฒนาอุตสาหกรรมทองคำ จึงเชื่อว่าความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้จะช่วยต่อยอดธุรกิจและขยายขีดความสามารถแข่งขันให้แก่บริษัทตลอดจนเครือข่ายสมาชิกได้อย่างแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าทั่วประเทศเพิ่มขึ้นประมาณ30% ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าว

พร้อมกันนี้ องค์กรที่สนใจจะร่วมงานหรือเป็นบริษัทคู่ค้ากับ บริษัท เอ็นจีจี เทรด จำกัด สนใจดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.nggtrade.com  โทร 028215355 และ Line@ nggtrade  รวมทั้งผู้ที่สนใจบริการทางการเงินครบวงจร ‘Supply Chain Finance’ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เว็บไซต์ธนาคารกรุงเทพ www.bangkokbank.com  หรือ อีเมล: tradeservices.cs@bangkokbank.com”

         ด้านนายพิพัฒน์ อัสสมงคล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ รับผิดชอบผลิตภัณฑ์ Cash Management และพาณิชย์บริการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารกรุงเทพ ร่วมกับ บริษัท เอ็นจีจีเทรด จำกัด หนึ่งในธุรกิจของกลุ่มบริษัท เอ็นจีจี กรุ๊ป  ผู้ให้บริการรับซื้อ-ขายทองคำ จิวเวลรี่และเครื่องประดับระดับแนวหน้าของไทย เปิดให้บริการ ‘Supply Chain Finance’ บริการทางการเงินแบบออนไลน์ครบวงจรที่จะช่วยเสริมศักยภาพทางการเงินและโอกาสทางธุรกิจแก่คู่ค้าร้านทองของบริษัท ด้วยวงเงินสินเชื่อเต็ม 100% ของมูลค่าซื้อทองคำ สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียนช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และไม่พลาดโอกาสเข้าซื้อทองคำในช่วงเวลาที่เหมาะสม พร้อมข้อเสนอและอัตราดอกเบี้ยพิเศษ โดยลูกค้าสามารถทำธุรกรรมเบิกใช้วงเงินสินเชื่อเพื่อซื้อทองคำออนไลน์ได้ทุกวันไม่เว้นวันหยุด และสามารถเรียกดูรายงานหรือตรวจสอบยอดวงเงินคงเหลือได้ตลอด 24 ชั่วโมง

“ธนาคารเข้าใจความต้องการของลูกค้าในธุรกิจซื้อ-ขายทองคำที่มีความจำเป็นต้องมีความพร้อมด้านสภาพคล่องและเงินทุนหมุนเวียนอยู่เสมอ เพื่อคว้าโอกาสการลงทุนในแต่ละจังหวะที่ราคาทองคำอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น บริการทางการเงินออนไลน์เพื่อเครือข่ายการค้าครบวงจร ‘Supply Chain Finance’ จะช่วยตอบโจทย์นี้อย่างเต็มที่ ทั้งวงเงินสูง มีเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น เลือกเวลากู้ด้วยตนเองได้ตลอดเวลา เพียงทำรายการผ่านออนไลน์ ซึ่งสะดวก และมั่นใจได้ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสดีที่ธนาคารกรุงเทพได้พัฒนาความร่วมมือกับบริษัทผู้ค้าทองคำแนวหน้าของไทย เพื่อเสริมความสามารถแข่งขันให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สอดคล้องกับเป้าหมายของธนาคารที่พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในทุกกลุ่มอุตสาหกรรมด้วยผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เหมาะสม เป็นเหมือน ‘เพื่อนคู่คิด’ ที่พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยคว้าทุกโอกาสทางธุรกิจ”
นายพิพัฒน์กล่าว

          “NGG JEWELLERY” อาณาจักรเครื่องประดับแท้ของขวัญจากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับ จัดแคมเปญเซอร์ไพรส์ไม่หยุด ที่สุดแห่งปี เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีตลอดมา เปิดกลยุทธ์การตลาด Emotional Marketing เน้นการตลาดที่เข้าถึงอารมณ์ และความรู้สึกของลูกค้า เพื่อกระตุ้นยอดขาย กับเซอร์ไพรส์ ที่ NGG jewelry จัดแคมเปญสุดพิเศษ # บินติดแกลมกับNGG  รับทันที! ตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ฮ่องกงฟรี! จำนวน1 ที่นั่ง เมื่อซื้อเครื่องประดับจิวเวลรี่ครบ 35,900 บาท หรือซื้อทองรูปพรรณ ครบ 19,900 บาท (คิดเฉพาะค่ากำเหน็จ)

          นางสาวปัญจรัตน์ ทรัพย์หิรัญกุล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอ็นจีจี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด หรือ“NGG JEWELLERY” (NGG : natural glamour gift) อาณาจักรเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติรวมศาสตร์และศิลป์แห่งเครื่องประดับ ทั้งเพชร ทองคำ อัญมณี และนาฬิกา เป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่จำหน่ายสินค้าครบวงจรทั้ง 3 อุตสาหกรรม ทองคำ เครื่องประดับ และนาฬิกา แบรนด์ชั้นนำของโลก เปิดเผยถึง แคมเปญเซอร์ไพรส์ไม่หยุดที่สุดแห่งปี เพื่อตอบแทนลูกค้าที่ให้การสนับสนุนบริษัทด้วยดีตลอดมา โดยเซอร์ไพรสที่ NGG jewelry จัดแคมเปญสุดพิเศษ # บินติดแกลมกับ NGG  “นับเป็นกิจกรมการตลาดเพื่อกระตุ้นยอดขายในช่วงนี้บริษัทจึงใช้กลยุทธ์การตลาด Emotional Marketing กลยุทธ์ทางการตลาดที่เน้นการเข้าถึงอารมณ์ และความรู้สึกของลูกค้า มากระตุ้นให้เกิดการซื้อ การบอกต่อ และสร้างการจดจำให้กับสินค้า นับเป็นสื่อที่บอกแทนความรักที่ดีทั้ง คู่รัก คู่เพื่อน คู่แม่ลูก ได้เป็นอย่างดี จึงเป็นโอกาสดีที่จะบอกกล่าวถึงความรู้สึกรักและห่วงใย กับแคมเปญฯ ที่ทาง NGG jewelry จัดไว้ให้ถึง 2 แบบด้วยกัน คือ

          1.) ซื้อเครื่องประดับที่ NGG : ครบ 35,900 บาท รับของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ฮ่องกง จำนวน 1 ที่นั่ง ทั้งนี้สามารถรวมบิลสินค้าได้ภายในวันเดียวกัน โดยบิลชื่อสมาชิกต้องเป็นชื่อเดียวกันทุกบิล นอกจากนี้ยังรับสิทธิ์พิเศษร่วมรายการผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 4 เดือน กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการ เริ่มช้อปสินค้าเพื่อรับสิทธิ์ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ตุลาคม 2567 (ทองแท่ง ทองรูปพรรณ ไม่ร่วมรายการ)

          2.) ช้อปทองรูปพรรณที่ NGG: (คิดเฉพาะค่ากำเหน็จ ครบ 19,900 บาท) เริ่มแล้ววันนี้ ถึง 31 ตุลาคม 2567 เมื่อช้อปทองรูปพรรณ รับของขวัญสุดเซอร์ไพรส์ คือ ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ ฮ่องกง จำนวน 1 ที่นั่ง โดยรายการนี้ไม่ร่วมรายการผ่อน 0% บัตรเครดิต และร่วมรายการ เฉพาะทองรูปพรรณ ที่ราคาปกติเท่านั้น ไม่ซ้อนโปรรายการอื่นๆ หรือโปรฯ ส่วนลดค่ากำเหน็จ โดยจำกัดจำนวน 500 สิทธิ์แรกเท่านั้น

“เพื่อตอบแทนความรักด้วยเครื่องประดับแท้จากธรรมชาติที่รวมศาสตร์และศิลป์ไว้ด้วยกันอย่างลงตัว จาก NGG Jewellery ทั้งในรูปแบบ อาทิ เพื่อนรัก คู่รัก ก็ดูลงตัว เพราะ NGG jewelry มีเครื่องประดับให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับทุกโอกาสหรือเข้ากับทุกเทศกาล สนใจ ช้อปเครื่องประดับสุดพรีเมียมได้แล้ววันนี้ที่ nggjewellery หรือทุกสาขาทั่วประเทศ สอบถามและเข้าชมสินค้าอื่นๆ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร02- 821-5983 เว็บไซต์ https://nggjewellery.com/   Facebook: NGG Jewellery และ

LINE OA: @nggjewellery ” นางสาวปัญจรัตน์ กล่าวในท้ายสุด